ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
(ภาพการสนทนาธรรมที่่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ มุมไบ อินเดีย ๑๖ พ.ย. ๒๕๕๖)
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ได้มีการสนทนาธรรมที่โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ มุมไบ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการสนทนาธรรมครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ในช่วงท้ายแห่งการสนทนาธรรม ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวถึง พาล กับ มิใช่พาล ตลอดจนถึง การไม่คบคนพาลไว้อย่างน่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ให้ข้อคิดเตือนใจหลายแง่หลายมุมของชีวิต ควรค่าแก่การศึกษาพิจารณาไตร่ตรองเป็นอย่างยิ่ง จึงขออนุญาตถอดคำบรรยายในช่วงดังกล่าวทั้งหมด เพื่อให้ผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ได้อ่านและพิจารณาร่วมกัน ดังต่อไปนี้
"พาล มีจริงๆ หรือเปล่า เป็นธรรมหรือเปล่า ที่ชื่อว่าคนพาล ก็คือคนที่มีอกุศลธรรมมาก จนกระทั่งปรากฏความเป็นคนพาล ทางกายก็ได้ (เช่น) คนนั้น กาย พาลมาก ชกต่อยตีรันฟันแทงก็ได้ ทางวาจาก็เป็นด้วย เราก็เลยเรียกคนหรือสภาพธรรมที่เกิดบ่อยๆ นั้นว่า คนพาล แล้วพาลที่ร้ายกาจที่สุดคือความเห็นผิด เพราะเหตุว่าคำพูดทุกคำเป็นคำเท็จ ไม่ใช่คำจริง เพราะฉะนั้น วาจาจริง ไม่ใช่พาล ไม่ได้เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน แต่อนุเคราะห์ให้ได้เข้าใจถูกเมื่อได้พิจารณาว่าถูกหรือเปล่าจริงแค่ไหน เพราะว่าความจริงต้องเป็นความจริงตลอด จะเป็นเท็จไม่ได้
เพราะฉะนั้น ไม่ได้เบียดเบียน ไม่ใช่พาล แต่คำไม่จริงต้องเป็นพาลแน่ เพราะเหตุว่าทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสังเกตดูว่าเราพอใจที่จะคบคำผิด ความเห็นผิด ความเข้าใจผิดหรือเปล่า แทนที่จะได้รู้ว่าบัณฑิตคือผู้มีวาจาสัจจะ และทุกคำเป็นประโยชน์เกื้อกูล แต่การสะสมมาอาจจะทำให้เราไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะเรานิยมความเป็นพาลง่ายๆ แต่ว่าโทษมากเหลือเกินเพราะไม่ใช่คำจริง ด้วยเหตุนี้ ข้อแรกคือ ไม่คบพาล หมายความว่า การคบคือคุ้นเคย การคุ้นเคยบ่อยๆ ทำให้เราพลอยเป็นไปด้วยค่อยๆ ซึมไปทีละน้อย อาหารบางอย่าง ครั้งแรกที่เราดื่มหรือเรารับประทาน รู้สึกว่าทนไม่ไหว ขมขื่นบ้างอะไรบ้าง แต่พอคุ้นเคยมากๆ ชอบ เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นว่า เมื่ออาศัยความไม่รู้ว่าอะไรเป็นคุณเป็นโทษแล้วก็เสพจนคุ้นก็ย่อมเป็นไปตามสิ่งนั้น
ด้วยเหตุนี้ จะเห็นได้ว่าบางคนฟังธรรม ถูก เข้าใจว่าถูกแต่ไม่ฟังต่อ เพราะเหตุว่ามีเพื่อนที่ไม่ฟัง แล้วไม่ยอมละทิ้งเพื่อนที่เป็นพาลที่จะมาสู่ความเห็นถูก เพราะฉะนั้น (การไม่คบคนพาล) จึงได้เป็นมงคลข้อที่ ๑ ตราบใดที่คบคุ้นเคยกับพาลมีหรือที่จะไม่เป็นอย่างนั้น ไม่อาจหาญที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วทิ้ง ส่วนที่ผิดทันที เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทิ้งทันทีโอกาสที่จะเสพคุ้นย่อมเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ยิ่งละลำบากมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ฟังคำ ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตามคำนั้นพูดถึงอะไร จริงหรือเปล่า ถูกหรือผิด มีประโยชน์ไหม ก็เสพคำหรือคนนั้น แทนที่จะไปเสพหรือคุ้นเคยกับคนอื่นซึ่งไม่นำประโยชน์สุขมาให้ และจะเห็นได้ว่าบัณฑิตที่แท้จริงที่ประเสริฐที่สุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสาวกทั้งหลายผู้ศึกษาธรรมด้วยความตรง ด้วยความจริงใจ ก็เป็นผู้ที่เป็นบัณฑิต ควรแก่การคบ เพราะเหตุว่านำมาซึ่งประโยชน์ เพราะฉะนั้นชีวิตของคนเราที่จะดำเนินไป ไม่พ้นการคบหาสมาคม ต้องมีการเห็น ต้องมีการได้ยิน ต้องมีการคิดนึก
ถ้าเรายังเป็นคนที่ไม่มั่นคง ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และเกิดมาเพื่ออะไร เราก็จะไม่เห็นโทษอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ความเจริญ ความเป็นอริยะ ก็ต้องเบื้องต้น ข้อที่ ๑ คือ ไม่คบคนพาล ถ้าใครยังไม่เข้มแข็งพอ คบไป ก็คือว่าไม่ได้คบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คบพาล ก็จะเห็นความต่างกันจริงๆ แต่ว่าก็มีคนพูดอีกว่าแล้วไงล่ะ บอกให้เมตตาทั่วไปหมด ไม่เว้น ที่จริงแล้ว เมตตาไม่ใช่การคบ เมตตาคือความหวังดี เกื้อกูลพร้อมที่จะทำประโยชน์โดยไม่เลือก
เพราะฉะนั้นใครจะเป็นอย่างไร มีความคิดเห็นอย่างไรกระทำทุจริตแค่ไหนระดับไหน ใจของเราไม่ขุ่นข้อง แต่ถ้าใจเราขุ่นข้อง ขณะนั้นก็เป็นพาลอีกเหมือนกัน เรานั่นแหละที่เป็นพาล เพราะฉะนั้นเมื่อมีความหวังดี ก็ช่วยอนุเคราะห์ เพราะฉะนั้นมีข้อความต่อไปอีก คือ ธรรมทั้งหมด ไม่ใช่เพียงคำเดียวแล้วก็จบ แต่มีข้อความต่อไปอีกว่า เมื่อคบก็เพียงเพื่ออนุเคราะห์ แสดงว่าไม่ได้เห็นตามไปด้วยเลย แต่ว่าคบ ไม่ใช่หมายความว่าเราไปคุ้นเคยกับความเห็นนั้นๆ แต่รู้ว่าเขาไม่สามารถพ้นจากความเห็นผิดหรือโทษต่างๆ ได้ ถ้าไม่มีการอนุเคราะห์ เพราะฉะนั้นก็เป็นผู้ที่ทน อดทน วิริยะ ทั้งหมดเกิดพร้อมกันในขณะที่กุศลจิตเกิดที่จะกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มีความเป็นมิตรมีความหวังดีพร้อมที่จะเกื้อกูล
เราจะไม่พูดธรรมกับคนที่ไม่สนใจธรรมหรือคนที่ไม่ฟังธรรม เพราะว่าคำจริงหรือคำดีก็เป็นคำที่ไม่ดีสำหรับคนที่ไม่เข้าใจเจตนา แต่ว่าถ้าใครพร้อมที่จะฟังเราก็เกื้อกูลแล้วก็เป็นคำจริง มิตรแท้ต้องให้สิ่งที่จริง ไม่ใช่ให้ของปลอม เพราะว่า ของปลอมเยอะแยะเลย เพชรนิลจินดาหยก ปลอมทั้งนั้น มีเยอะด้วย กับเพชร (เป็นต้น) จริง แม้จะเล็กน้อยสักเท่าไหร ค่าอยู่ตรงไหน ก็จะเห็นได้ว่าระหว่างคำไม่จริงทั้งหมดกับคำจริง คำจริงแม้เพียงคำเดียวสองคำก็ยังมีประโยชน์มากกว่าคำไม่จริงทั้งหมด นี้คือ ไม่คบคนพาล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเมตตาต่อคนพาล เพียงแต่ว่าไม่คบ"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"...ไม่คบคนพาล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเมตตาต่อคนพาล เพียงแต่ว่า ไม่คบ..." และ "...ธรรมทั้งหมด ไม่ใช่เพียงคำเดียวแล้วก็จบ แต่มีข้อความต่อไปอีกว่า เมื่อคบก็เพียงเพื่ออนุเคราะห์ แสดงว่าไม่ได้เห็นตามไปด้วยเลย แต่ว่าคบ ไม่ใช่หมายความว่าเราไปคุ้นเคยกับความเห็นนั้นๆ แต่รู้ว่า เขาไม่สามารถพ้นจากความเห็นผิดหรือโทษต่างๆ ได้ ถ้าไม่มีการอนุเคราะห์..."
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา ในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง สำหรับข้อความที่ท่านอาจารย์ได้มีเมตตาแสดงไว้ดีแล้วนั้น เพื่อประโยชน์ คือ การเตือนตน ให้พ้นจากอกุศลธรรม ความเห็นผิด เข้าใจผิด เพื่ออนุเคราะห์ผู้อื่น และเพื่อรักษาตน ให้พ้นจากภัย ตามกำลังของปัญญา และ ศรัทธา ที่แต่ละบุคคลสะสมมา ทั่วกัน และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
อนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นที่นำธรรมะดีๆ มาเตือนใจครับ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านด้วยครับ
เมื่ออาศัยความไม่รู้ว่าอะไรเป็นคุณเป็นโทษแล้วก็เสพจนคุ้น ก็ย่อมเป็นไปตามสิ่งนั้น คนพาล บัณฑิต ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ที่มีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
"ไม่คบคนพาล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเมตตาต่อคนพาล เพียงแต่ว่าไม่คบ"
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นที่นำธรรมะดีๆ มาเตือนใจครับ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขออนุโมทนาค่ะ
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อย่างยิ่งค่ะ...
รสใดจะประเสริฐ์เท่ารสของพระธรรมไม่มี
ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขออนุโมทนาครับ
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ชาตินี้ มีโอกาสที่ประเสริฐยิ่งคือได้ฟังพระธรรม ทำให้ได้รู้ว่า พาลที่ร้ายกาจที่สุดคือความเห็นผิด และการได้สะสมความเห็นถูก เริ่มต้นคือความเข้าใจว่า มีแต่ธรรมไม่ใช่เรา
กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณอ.คำปั่นด้วยความเคารพค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ