ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
คำบูชาพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
วันนี้ คือ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นวันที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวน เขตต์ และคณะจะได้จากกรุงนิวเดลี ไปยังเมืองสาวัตถี และในตอนเย็น ก็จะได้เดินทางเข้าไปยังพระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี [อันเป็นสถานที่ที่พระองค์ประทับอยู่นานที่สุดถึง ๑๙ พรรษา ประกาศพระธรรมคำสอนให้แพร่หลายไปสู่ผู้ที่สะสมบุญมาแต่ปางก่อนได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจเป็นของตนเอง] เพื่อกราบนมัสการแทบรอยพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เคยได้ประทับและทรงแสดงพระธรรม ณ สถานที่แห่งนี้ โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จะได้กล่าวนำ คำบูชาพระวิหารเชตวัน ที่ท่านได้กลั่นกรองจากความเข้าใจพระธรรม ซึ่งไพเราะ ลึกซึ้งควรค่าแก่การฟัง และ พิจารณาตามเป็นอย่างยิ่ง ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านที่ได้ร่วมเดินทาง ส่วนผู้ที่ไม่ได้เดินทาง เมื่อได้อ่านกระทู้นี้แล้ว คงจะเกื้อกูลแก่การเจริญขึ้นของกุศลธรรม ได้บ้าง ตามสมควรแก่การสะสมของแต่ละบุคคล
ก่อนจะถึงคำบูชา .... ขอกล่าวถึงประวัติของพระวิหารเชตวัน โดยย่อ ดังนี้
เดิมพระวิหารเชตวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จประพาสของเจ้าเชต เจ้าชายในราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี เป็นพระราชอุทยานร่มรื่น นอกตัวเมืองหลวง วัดเชตวันมหาวิหาร มีชื่อปรากฏในพระสูตรว่า "พระวิหารเชตวัน อารามของ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี" ที่เรียกเช่นนี้เพื่อให้ทราบว่าวัดนี้เป็นวัดที่ท่านอนาถบิณฑิกะ สร้างถวายแต่ใช้ชื่อวัดของเจ้าของที่เดิม เพราะวัดแห่งนี้เดิมเป็นที่ของเจ้าเชต ซึ่ง ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีซื้อต่อมาด้วยราคาที่แพงมหาศาลถึง ๑๘ โกฏิ (เจ้าเชต กำหนดให้นำเงินทองมาปูเต็มพื้นที่ ที่ต้องการซื้อ) และเจ้าเชตเห็นถึงศรัทธาของ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงขอมีส่วนร่วมในการสร้างซุ้มประตูของพระวิหาร ทำให้ พระวิหารแห่งนี้ได้นามตามเจ้าของเดิม ว่า เชตวัน (แปลว่า สวนของเจ้าเชต) โดยพระ วิหารแห่งนี้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ซื้อด้วยเอาเงินมาปู จำนวน ๑๘โกฏิ บริจาค เงินเพื่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ สิ้นเงินไปอีก ๑๘ โกฏิ ทำการฉลองด้วยเงินอีก ๑๘ โกฏิ จึงทำให้การสร้างวิหารแห่งนี้มีราคาถึง ๕๔ โกฏิ (๑ โกฏิ เท่ากับ ๑๐ ล้าน)
พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับจำพรรษาและบำเพ็ญพุทธกิจที่วัดแห่งนี้รวมถึง ๑๙พรรษา นับว่าเป็นวัดที่พระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานที่สุด เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สัปปายะต่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพราะเมืองสาวัตถีในสมัยนั้นเป็นเมืองที่มั่งคั่ง สงบ และมีการอุปถัมภ์บำรุงเป็นอย่างดี จากพระเจ้าปเสนทิโกศล ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และประชาชนทั้งหลาย พระวิหารเชตวัน เป็นสถานที่เกิดเรื่องราวและพระสูตรสำคัญๆ ในพระพุทธศาสนามากมายเช่น เรื่องของพระองคุลิมาล, นางปฏาจาราเถรี, พระกิสาโคตมีเถรี, เรื่องพระพุทธองค์ทรงดูแลภิกษุไข้, นางจิญมาณวิกา ถูกแผ่นดินสูบ, พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ เป็นต้น ในส่วนพระสูตรนั้นมีจำนวนมาก ที่สำคัญๆ เช่น มงคลสูตร, เมตตสูตร, โลกธัมมสูตร, ทสนาถกรณธัมมสูตร เป็นต้นโดยทั้งหมดทรงแสดง ณ พระวิหารเชตวันแห่งนี้
สถานที่สำคัญๆ ที่พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันนิยมไปนมัสการคือ พระคันธกุฎี ที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, อานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยการปรารภของท่านพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล เพื่อเป็นที่สักการะบูชาแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์เสด็จไปโปรดพุทธบริษัท ณ สถานที่อื่น ซึ่งมีท่านพระมหาโมคคัลลานะเหาะไปรับลูกโพธิ์สุกที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นคนปลูก โดยได้รับการยินยอมอนุญาตจากพระเจ้าปเสนทิโกศล ต้นโพธิ์ต้นนี้ปรากฏหลักฐานในคำสอนทางพระพุทธศาสนาและยังคงเป็นต้นเดิมมาจนถึงปัจจุบันนี้,และ กุฏิของพระมหาเถระ, บ่อน้ำสรงสนานของพระพุทธองค์ เป็นต้น
ต่อไป ก็จะเป็นคำบูชาพระวิหารเชตวัน ซึ่งกล่าวนำโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในเย็นวันอาทิตย์ที่ ๑๖ ต.ค. ๕๔ ดังต่อไปนี้
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้พร้อมใจกัน เดินทางมาถึงพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี เพื่อกราบนมัสการแทบรอยพระบาทที่สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับและทรงแสดงพระธรรม ข้าพเจ้า ขอถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ขอถึงพระธรรม เป็นที่พึ่ง ขอถึงพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมปัญญา อันเป็นเหตุให้ประพฤติปฏิบัติขัดเกลาละคลายกิเลส จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะดับหมดสิ้นไป
กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกท่าน
ขออนุโมทนาค่ะ ส่งใจเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธานมัสการพระพุทธอองค์ ร่วมกับท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยค่ะ ครั้งหน้าจะมาด้วยตัวเองค่ะ
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้พร้อมใจกัน เดินทางมาถึงพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี เพื่อกราบนมัสการแทบรอยพระบาทที่สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับและทรงแสดงพระธรรม ข้าพเจ้า ขอถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ขอถึงพระธรรม เป็นที่พึ่ง ขอถึงพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมปัญญา อันเป็นเหตุให้ประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลส จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะดับหมดสิ้นไป...
ขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของ คุณ Noparat และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
อ่านข้อความแล้วมีความไพเราะ และ ลึกซึ้ง มากๆ จนทำให้เกิดกุศลจิตครับ ดีมากครับ และ ขอบคุณมากครับ ที่ทำให้ได้ทราบกิจกรรม และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณในกุศลวิริยะของคุณNoparatและขออนุโมนาด้วยค่ะ
จากการที่ได้เขียนข้อความเมื่อวานนี้ ดิฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากน้องชายว่า คณะของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ไปถึงพระวิหารเชตวันอารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ในเวลาค่ำแล้ว จึงไม่สะดวกในการกล่าวคำบูชาพระวิหารเชตวัน ดังนั้นเมื่อเช้านี้ เวลา ๘.๓๐ น. ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และ คณะ จึงได้ กล่าวคำบูชาพระวิหารเชตวัน ค่ะ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณมากค่ะที่ช่วยแบ่งปันเรื่องราวดีๆ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
สาธุ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอส่งจิตกราบอนุโมทนาทุก ทุก กุศลจิตที่อาจารย์และคณะได้เดินทาง ยังสถานที่ต่าง ต่าง ทุกแห่งค่ะ ขอกราบอนุโมทนาแทบเท้าท่านอาจารย์อีกครั้งค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่ Noparat ด้วยครับ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่ Noparat ด้วยครับ
ขอบพระคุณ คุณ Noparat ในการบันทึกคำที่มีคุณค่า ที่หาโอกาสยากอย่างยิ่งในสังสารวัฎฎ์ที่จะได้กล่าว และไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะได้กล่าวในสถานที่แห่งนั้นแต่ละครั้งเมื่อใด
แต่ ณ บัดนี้ ผ่านจากเวลานั้นมาเกิน 10 ปีแล้ว ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์จะได้นำพวกเราชาว มศพ. จากเมืองไทย และ ชาวอินเดียที่อยู่ที่นั่น กับชาวต่างประเทศจากหลายทวีป ที่ได้เดินมาสมทบ ทุกชีวิตพร้อมใจกันที่จะไปกราบพระวิหารเชตวัน ณ พระคันธกุฎี สถานที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อสองพันหกร้อยกว่าปีมาแล้ว และกล่าวคำบูชานี้ต่อหน้าพระบรมสารีริธาตุอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ในวันที่ 10 กันยายน 2565 และหลังจากนั้น จะได้มีการสนทนาธรรม ณ ที่นั่นด้วย เป็นการบูชาพระรัตนตรัย โดยครบถ้วนทุกประการ เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดจากความเข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และเห็นพระคุณของพระพุทธองค์ พวกเราปิติใจในโอกาสเช่นนี้ที่จะมาถึง
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ