ดิฉันเลี้ยงหมาปอมตัวหนึ่ง เขาค่อนข้างอ่อนแอขี้โรคตั้งแต่เด็ก ล่าสุดคุณหมอแนะนำให้เอาไปทำหมันและผ่าซีทในรังไข่ เพราะจะทำให้เขามีอายุยาวกว่าเดิม ดิฉันก็เชื่อเลยพาเขาไปทิ้วไว้ที่คลินิค2วันคือวันที่ 23-24 พค. ซึ่งตั้งแต่เลี้ยงเขามา2ปีกว่า เราไม่เคยห่างกันไม่เคยทิ้งเขาแบบนี้. ตลอดเวลาที่เขาอยู่คลินิคสองวันดิฉันคิดถึงเขามากเอาเสื้อเขามานอนกอดอยากไปหาเขาแต่หมอแนะนำว่าให้มาเยี่ยมหลังผ่าตัดจะดีกว่าเพราะถ้ามาหัวใจจะเต้นแรงจะเป็นผลไม่ดีต่อเขา ดิฉันเลยจำใจไม่ไปเพราะคิดว่าเดี่ยววันจันทร์ก็ได้เจอ แต่กลับเป็นวันที่เขาต้องตาย เขาแพ้ยาสลบไม่ฟื้น
ดิฉันเสียใจมากที่เอาเขาไปทำร้าย ทำให้เขาต้องตาย ถ้าเขาพูดได้เขาคงบอกกับดิฉันว่าไม่ไปได้ไหม ดิฉันสงสารที่ก่อนตายเขาถูกทิ้ง ก่อนตายก็ไม่ได้เจอดิฉัน รู้สึกผิดมากๆ ดิฉันบาปไหมคะ ที่ชิวิตหนึ่งอยู่ในกำมือดิฉัน เหมือนดิฉันยื่นเขาไปให้คุณหมอพาเขาไปตาย เขาจะไปดีไหมคะ วิญญาณของเขาจะอยู่ที่คลินิคไหมคะ เวลาผ่านที่คลินิคดิฉันจะเรียกเขากลับบ้านทุกๆ ครั้ง เขาจะกลับได้ไหมคะ จะครบเดือนอยู่แล้วดิฉันยังทุกข์ใจเหลือเกิน แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ดิฉันก็ไปวัดทำบุญให้เขาทุกวัน แล้วที่ว่าหมดอายุมีจริงไหมคะเคยให้คนที่มีวิชาดูให้เขาบอกว่าหมาหมดอายุขัยแล้วเขาเกิดวันจันทร์ 25 เขาก็ตายจันทร์ 25 เหมือนกันช่วยชี้ทางให้ดิฉันเห็นทางสว่างทีเถิดค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิญญาณ เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เป็นนามธรรม แปลตามศัพท์ได้ว่า เป็นสภาพธรรมที่รู้แจ้ง (ซึ่งอารมณ์) เป็นสภาพธรรม ที่เป็นใหญ่เป็นประธาน ในการรู้แจ้งอารมณ์ วิญญาณ กับ จิต เป็นสภาพธรรมอย่างเดียวกัน มีพยัญชนะหลายประการ ที่หมายถึงจิต เช่น มนะ หทยะ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ วิญญาณธาตุ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาได้เข้าใจถึงลักษณะของจิตซึ่งเป็นสภาพธรรมที่แต่ละบุคคลมีด้วยกันทั้งนั้น (ในชีวิตไม่ปราศจากจิตเลยแม้แต่ขณะเดียว) หนึ่งในนั้น คือ วิญญาณ ดังนั้น จิต กับ วิญญาณจึงเป็นธรรมอย่างเดียวกัน ต่างกันเพียงพยัญชนะเท่านั้น วิญญาณไม่มีการล่องลอยไม่มีรูปร่าง วิญญาณเป็นธรรมประเภทหนึ่ง เมื่อเกิดแล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลย จิตขณะหนึ่งดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที เป็นอย่างนี้อย่างไม่ขาดสาย จนกว่าจะสิ้นสุดสังสารวัฏฏ์
วิญญาณ ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่หมายถึง วิญญาณล่องลอย ที่เป็นผี ตามที่เข้าใจกัน แต่หมายถึงสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ คือ เป็นสภาพรู้ เป็นใหญ่ในการรู้ เรียกว่าวิญญาณ คือ จิตนั่นเอง ครับ ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงวิญญาณ ก็คือสภาพธรรมที่เป็น จิตซึ่งมีหลายประเภท เช่น จักขุวิญญาณ หรือ จิตเห็น โสตวิญญาณ หรือ จิตได้ยิน เป็นต้น ดังนั้น เมื่อ วิญญาณ หรือ จิต เกิดขึ้นเป็นสภาพรู้ ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เช่น จิตเห็น (จักขุวิญญาณ) เมื่อเกิดขึ้นก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น คือสีที่ปรากฏให้เห็นได้ทางตาเป็นต้นวิญญาณ จึงไม่ได้หมายถึง ผี ตามที่เข้าใจกันครับ แต่ วิญญาณ หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นจิต มีลักษณะเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้อารมณ์ ครับ จึงกล่าวได้ว่า จิต กับ วิญญาณ เหมือนกัน ที่เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่ในการรู้แต่เพียงใช้พยัญชนะที่แตกต่างกันเท่านั้น ครับ
ความตายก็กำหนดไว้แล้ว เพราะ เป็นวิบากจิต คือ จุติจิต ไม่มีใครจะห้าม ได้เลย ครับ
เพราะฉะนั้น ตายแล้วเกิดทันที สุนัขอาจเกิดในที่ที่ดีก็ได้ ไม่ใช่มาเป็นวิญญาณล่องลอยในที่ใดที่หนึ่งเลย เราร้องไห้ไป เขาก็ไม่รู้เรื่อง สิ่งที่ควรทำ คือ ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ และ รู้ว่าที่เราทุกข์เพราะกิเลส จึงควรทำดีและศึกษาพระธรรม ในชาติที่ได้พบพระพุทธศาสนา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า ความตายจะมาถึงเมื่อใดไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลยจริงๆ เพราะเหตุว่า สิ่งที่ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย คือ ชีวิต จะเป็นอยู่นานเท่าใด จะตายเมื่อไหร่ จะตายที่ไหน จะตายด้วยโรคอะไร และตายแล้วจะไปเกิด ณ ที่ไหน? ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ