เคยอยู่สงบในถ้ำตามป่า เหมือนกับว่าได้รู้แจ้งในสภาพธรรม
โดย สารธรรม  30 ก.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 44416

ได้เคยสนทนากับอุบาสิกาหลายท่านซึ่งได้ปรารภให้ฟังว่า แต่ก่อนในอดีตนั้นเคยอยู่สงบในถ้ำตามป่า จิตใจผ่องใส รู้สึกเหมือนกับว่าได้รู้แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรม ไม่มีอะไรติดขัดเลย แต่พอกลับออกมาจากถ้ำเป็นปกติธรรมดาไม่รู้อะไรเลย ทางตาก็ไม่รู้ ทางหูก็ไม่รู้ ทางจมูกก็ไม่รู้ ทางลิ้นก็ไม่รู้ ทางกาย ทางใจตามปกติไม่รู้ แล้วอย่างนี้จะประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปของนามที่กำลังเห็น สีที่กำลังปรากฏ นามที่กำลังได้ยิน เสียงที่กำลังปรากฏได้ไหม เพราะเหตุว่าไม่เคยรู้ชีวิตปกติธรรมดา แต่ดูเหมือนกับว่า แทงตลอดธรรมปรุโปร่งทีเดียวขณะที่อยู่ในถ้ำซึ่งเป็นสถานที่วิเวก

เพราะฉะนั้น ญาณไม่ผิดปกติ คนอื่นไม่สามารถรู้ได้ว่า คนนี้กำลังถึงญาณขั้นนั้น เพราะกำลังผิดปกติอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นไม่ใช่ปัญญา ถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ชัดในลักษณะของนามและรูป แล้วแต่ว่าจะเป็นญาณขั้นไหน ถ้าเป็นนามรูปปริจเฉทญาณ ปัญญารู้ชัดในลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรมทีละอย่างที่กำลังปรากฏในขณะนั้น โดยเลือกไม่ได้ว่าจะรู้ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย ปัญญารู้ชัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทางมโนทวารในลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม แล้วแต่ว่าบุคคลหนึ่งจะรู้นามอะไร กี่ชนิด จะรู้รูปอะไรกี่ชนิด ที่กำลังปรากฏเป็นปกติในขณะนั้น

นี่เป็นเพียงนามรูปปริจเฉทญาณ ยังไม่ได้สามารถแทงตลอดไปถึงอริยสัจธรรม เพราะว่าอินทรีย์ยังไม่แก่กล้าที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมในขณะนั้น แต่ได้อบรมอินทรีย์มาเพียงที่จะให้รู้ชัดในลักษณะของนามและรูปที่เป็นนามรูปปริจเฉทญาณ

ทำไมเวลาที่ระลึกรู้ลักษณะของนามหรือรูปแล้วยังไม่เห็นภัยเลย อย่างท่านที่กำลังระลึกรู้ลักษณะที่เย็น เห็นโทษเห็นภัยไหม ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ยังไม่เป็นโทษ ยังไม่เป็นภัย เพราะอะไร เพราะว่าไม่ใช่อุทยัพพยญาณ รูปดับก็ดับ ไม่เห็นเป็นโทษไม่เห็นเป็นภัย เพราะความอุ่นใจว่าตัวตนยังมีอยู่ที่เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

เพราะฉะนั้น ทันทีที่ระลึกรู้ลักษณะของนามหรือรูปเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดไม่พอ เพราะเหตุว่ายังมีเยื่อใยเต็มที่ในขันธ์อื่น ไม่ได้ประจักษ์จริงๆ ว่าไม่มีอะไร มีแต่สภาพของนามที่ไม่ใช่ตัวตน เกิดแล้วก็ดับ หรือว่ารูปที่ไม่ใช่ตัวตนเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ถ้าประจักษ์อย่างนั้นจริงๆ ไม่หลงเหลือสักกายทิฏฐิ เพราะว่าพิจารณานามรูปทั่วหมดแล้ว ปัญญาที่แทงตลอดในความเกิดขึ้นและดับไปทำให้เห็นว่าเป็นโทษ เห็นว่าเป็นภัย ประจักษ์ว่าลักษณะนั้นเป็นนามธรรม เป็นรูปธรรมจริงๆ ได้

แต่เวลานี้ เย็นเมื่อสักครู่นี้ก็ดับ เสียงเมื่อสักครู่นี้ก็ดับ ได้ยินเมื่อสักครู่นี้ก็ดับไป เยื่อใยตัวตนที่มีอยู่ที่นามอื่นรูปอื่น ไม่เห็นเป็นโทษเป็นภัย เพราะอุ่นใจว่าตัวตนยังอยู่เต็ม

ถ้าท่านได้ประจักษ์ลักษณะของนามและรูปที่เป็นนามรูปปริจเฉทญาณ โลกทั้งโลกไม่มี มีแต่ลักษณะของนามชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นปรากฏ รูปชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นปรากฏ ทีละนาม ทีละรูป โลกที่เคยติดกันแน่นเป็นสัตว์ เป็นบุคคล ไม่มีเลย ประจักษ์สภาพที่ไม่ใช่เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ทีละนาม ทีละรูป อย่างอื่นไม่มีเหลือเลยที่จะควบคุมรวมกันเป็นกลุ่ม เป็นก้อน เป็นโลก เป็นแท่ง ใจจะเป็นอย่างไร หลายอย่าง เพราะว่าอะไร เพราะมีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดจิตแต่ละชนิด ไม่มีใครไปดัดแปลง ประคับประคอง เป็นอัตตาที่จะไปฝ่าฝืนทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ขึ้นได้เลยในขณะนั้น แล้วแต่ว่าจิตประเภทใดจะเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยใด สภาพธรรมใดเกิดแล้วก็ต้องดับไป พร้อมหรือยังที่จะประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไป ถ้าไม่พร้อมเพราะอะไร เพราะว่ารู้ยังไม่ทั่ว ไม่อย่างนั้นญาณก็คงไม่มีมากมายอย่างนี้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 137