พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกขอริยสัจจ์ ทรงรู้แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์ ทรงรู้แจ้งธรรมที่ดับทุกข์ ทรงรู้แจ้งหนทางปฏิบัติ ที่ทำให้บรรลุธรรมที่ดับทุกข์ ที่ว่าเรารู้จักทุกข์กันนี้ เรารู้จักทุกข์ธรรมดาสามัญ ยังไม่ใช่ทุกข์ที่พระอริยเจ้ารู้แจ้ง จึงยังไม่ใช่ทุกขอริยสัจจ์ ต้องรู้แจ้งทุกขอริยสัจจ์ จึงจะเป็นพระอริยบุคคล ที่เรารู้ทุกข์นี้ เรารู้ทุกข์ธรรมดาสามัญ เช่น เจ็บป่วยก็เป็นทุกข์ นั่งเมื่อยก็เป็นทุกข์ หิวก็เป็นทุกข์ ล้วนเป็นลักษณะของทุกขเวทนา คือ ความรู้สึกไม่สบาย ปวดเจ็บ ซึ่งก็เป็นธรรมดาบุคคลทั่วไปรู้ว่า โลกนี้มีทุกข์อย่างนี้เท่านั้น แต่ว่าพระอริยเจ้านั้น ท่านรู้สภาพซึ่งเป็นทุกข์ที่แท้ จริง คือ รู้ทุกขอริยสัจจ์ รู้ลักษณะที่เกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมทั้งหลายที่ปรากฏ
ในเรื่องเหตุแห่งการเกิด การมีชีวิตนั้น พระผู้มีพระภาค ฯ ทรงแสดงว่า ตราบใดยังมีกิเลส มีอวิชชา มีตัณหา ก็ยังต้องเกิด เมื่อเกิดแล้ว ก็เป็นทุกข์เรื่อยไปจนกระทั่งตายเพราะชีวิตก็เป็นแต่เพียงนามธรรม และรูปธรรม แต่ละชนิด ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว สืบต่อกันไปเรื่อยๆ ทุกขณะ ถึงแม้ว่า จะมีความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ความสุขนั้นก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง อุเบกขาก็ไม่เที่ยง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนไม่เที่ยงทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเลยในชีวิต ที่จะเป็นสุขอย่างมั่นคงแท้จริง ต้องอบรมปัญญา ให้เห็นชีวิตตามความเป็นจริง คือ เห็นการเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรมทั้งหลาย ที่ปรากฏตามความเป็นจริง จุดมุ่งหมายที่ทรงแสดงธรรมนั้น ก็เพื่อให้บรรลุถึงการดับทุกข์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแก้ทุกข์ชั่วคราว อย่างคนที่รักษาโรคให้หายชั่วคราวแล้วก็เป็นอีก อย่างนี้ไม่ชื่อว่า เป็นการดับทุกข์อย่างแท้จริง การดับทุกข์ที่แท้จริงนั้น ต้องดับกิเลส และดับการเกิดด้วย นี่ควรเป็นจุดหมายที่แท้จริงในการเป็นคน
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
การดับทุกข์ที่แท้จริงนั้น ต้องดับกิเลส และดับการเกิดด้วย นี่ควรเป็นจุดหมายที่แท้จริงในการเป็นคน
ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ