ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๒
โดย khampan.a  15 ก.ย. 2567
หัวข้อหมายเลข 48480

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๒



~ จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมในทุกกรณี แม้แต่ในเรื่องของการฟังพระธรรม ต้องไม่ประมาท บางคนอาจจะคิดว่าเคยได้ฟังมาแล้วมาก แต่ว่าฟังแล้วเท่าไหร่ตลอดชีวิตก็ยังไม่พอ เพราะเหตุว่าแต่ละคำมาจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ผู้ฟังตัองฟังเพื่อเข้าใจคำแต่ละคำซึ่งมีค่ามาก เพราะเหตุว่ากว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ทรงตรัสรู้ก็ได้ทรงบำเพ็ญเพียรด้วยพระบารมีนานมากกว่าจะได้ตรัสรู้
~ การศึกษาพระธรรมให้ทราบว่าเป็นการศึกษาพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ละเอียด ลึกซึ้ง สุขุม โดยประการทั้งปวง แต่ว่าผู้ที่จะเริ่มเข้าใจพระธรรม ก็ต้องมีความรู้ว่าพระธรรมแสดงให้เข้าใจอะไร อะไรที่มีจริง สามารถที่จะรู้ได้ เข้าใจได้ โดยประการใด คือ โดยการฟัง โดยการไตร่ตรอง โดยการรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าสามารถจะประจักษ์แจ้งได้จริงๆ
~ ความดีทุกอย่างเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมการเข้าใจธรรมแม้เพียงตั้งต้นก็เป็นประโยชน์ดีกว่าที่จะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพราะเหตุว่า สามารถที่จะทำให้รู้จักพระรัตนตรัยได้ถูกต้องว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมให้เรามีโอกาสได้เห็นถูกเข้าใจถูกตามที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ด้วย
~ ขณะใดที่อกุศลเกิดขณะนั้นก็ไม่ใช่กุศล คนละขณะ เกิดพร้อมกันไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ฝ่ายใดมีมาก อีกฝ่ายหนึ่งก็น้อยลง เรารู้ว่าเรามีกิเลสมากมาย ในสังสารวัฎฏ์หมดทันทีไม่ได้ แต่ค่อยๆ สะสมความดีหรือกุศลเพิ่มขึ้น พร้อมกับความเห็นถูกความเข้าใจถูก ก็ค่อยๆ ลดอกุศล นี่คือ ภาวนา ค่อยๆ อบรมกุศลเพื่อไม่ให้อกุศลเกิดมาก เพราะเหตุว่าถ้าอกุศลยังเกิดมากอยู่ กุศลก็น้อยลงไป เพราะว่าอกุศลเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ว่าการที่กุศลเกิดขึ้นบ่อยๆ ทุกวัน อกุศลที่เคยเกิดทุกวันก็ลดน้อยลง
~ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามปัจจัย เมื่อมีการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย โกรธมีจริงๆ ถ้าไม่เห็นสิ่งที่ไม่ชอบ คงไม่โกรธ ถ้าไม่ได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจ ก็คงไม่โกรธ แต่ว่าเมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งนั้นต้องเกิดเพราะปัจจัย ไม่ใช่เกิดได้ตามใจชอบ บังคับอะไรได้ไหม? ไม่ได้เลย
~ มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง พึ่งเพื่อที่จะได้อบรมให้ความดีเกิดมากขึ้น เพื่อขณะนั้นอกุศลน้อยลงและปัญญาเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้
~ ทุกครั้งที่ทำดี นั่นคือกำลังสละกิเลส ทุกขณะที่ดีนั่นแหละกำลังสละความไม่ดี
~ ได้รับของขวัญอะไรก็ตามแต่ ทั้งหมดไม่ใช่ประโยชน์ที่แท้จริง เพราะชั่วคราว หมดแล้วไม่เหลือเลยทั้งนั้น ทรัพย์สมบัติชาติก่อน รวมกับทรัพย์สมบัติชาติก่อนๆ อยู่ไหน ไม่มีเลยสักนิดเดียว ทรัพย์สมบัติชาตินี้ก็เช่นเดียวกันที่เราหวังว่าจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ซึ่งไม่ใช่ประโยชน์ที่แท้จริง เพราะว่าเพียงแค่เกิดแล้วก็ดับแล้วก็ไม่เหลือ
~ แม้ว่าจะมีเงินทองมากมายมหาศาล แต่ถ้าไม่รู้ความจริงก็เป็นทุกข์ ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องพลัดพรากจากทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจเป็นต้น ใครห้ามได้? นั่งกันอยู่เดี๋ยวนี้ เย็นนี้ อาจจะจากโลกนี้ไปก็ได้ ไม่มีใครรู้เลย เพราะฉะนั้น จะมีอะไรที่จะเป็นสมบัติจริงๆ ที่จะติดตามไป? ก็คือ ความเห็นความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นชาวพุทธต่อไปเมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจขึ้น
~ ทุกคนต้องการความเป็นมิตร ไม่ว่าจะในรถประจำทาง ท้องถนน หรือที่ไหนก็ตาม ชาวต่างชาติประเทศไหน ประเทศนี้ ประเทศนั้น ไม่ว่าจะต่างถิ่น ต่างแดน ทุกคนก็ต้องการความเป็นมิตร แล้วทำไมเราไม่เป็นมิตรคือเป็นผู้ที่หวังดีจริงๆ ไปหวังร้ายทำไม?
~ คนที่เราคุ้นเคยกล่าวคำที่ไม่เหมาะไม่ควร ทำสิ่งที่ไม่ดีต่อเรา แต่เราก็อภัยให้ แล้วก็ยังคงหวังดีต่อเขา พร้อมจะช่วยเหลือเกื้อกูล ให้เขาเกิดความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ขณะนั้นจิตนั้นเป็นกุศล เป็นมิตร
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เราเป็นคนดี ให้เราเข้าใจถูกต้อง ให้เราขัดเกลากิเลส
~ จิตที่เป็นกุศลต้องเป็นกุศล จิตที่เป็นอกุศลก็ต้องเป็นอกุศล มีใครบ้างที่ไม่มีอกุศล มีใครบ้างที่จิตไม่เป็นอกุศล ตราบใดที่ยังมีอวิชชา มีความไม่รู้อยู่ ก็มีอกุศลประเภทโลภะบ้าง โทสะบ้าง แต่ก็มีการสะสมของกุศลธรรมบ้าง ไม่ใช่มีแต่อกุศลธรรม
~ สำหรับผู้ที่ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ แม้อกุศลเพียงเล็กน้อย ก็เห็นจริงๆ ว่าเป็นอกุศล แค่เห็นจริงๆ ว่าเป็นอกุศล ก็จะมีปัจจัยที่จะทำให้เขาขัดเกลา
~ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท ไม่ประมาทที่จะต้องรู้ว่าพระธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง การที่เราจะค่อยๆ เข้าใจก็ต้องพิจารณาไตร่ตรองโดยรอบคอบ แล้วสิ่งใดที่ผิด ต้องรีบทิ้งทันที ถ้าเรายังคงมีความยึดมั่นเชื่อมั่นในสิ่งที่ผิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก ก็ไม่มีใครสามารถที่จะแก้ไขได้ เพราะฉะนั้น ตัวเองตั้งตนไว้ชอบ คือ เป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็รู้ว่าถ้าสิ่งใดผิด ต้องทิ้ง อย่าไปเก็บไว้
~ กิเลสทั้งหลายเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่ภายในตัวเอง ไม่ได้อยู่ไกลเลย เป็นสิ่งไม่ดีที่มีอยู่ในจิตใจ เป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมต่างๆ และจะเป็นผู้ที่ได้รับวิบาก คือ ผลของอกุศลกรรมนั้นๆ เองด้วย
~ คนที่มีปัญญาก็จะประพฤติต่างกับคนที่ไม่มีปัญญา ถูกต้องไหม? เพราะฉะนั้น ก็เป็นหน้าที่ของปัญญาที่จะทำให้มีความเห็นถูก กายถูก วาจาถูกยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ก็เห็นประโยชน์ของปัญญาว่าถ้ามีปัญญาความเข้าใจถูกต้องมากเท่าไหร่ การประพฤติหรือว่าจิตใจที่ไม่ดีงาม ก็จะลดลงไปเท่านั้น จนกระทั่งสามารถที่จะดับได้เป็น สมุจเฉท คือ ไม่เกิดอีกเลย นี่คือ ประโยชน์ของการที่จะอดทนฟังพระธรรม
~ ถ้าเรามีความดีเป็นที่คุ้มครอง เราไม่หวั่นไหวเลย ไม่ว่าใครทำอะไร? ทางวาจาหรือทางกาย ก็อกุศลของเขา เขาทำร้ายเราไม่ได้เลยถ้ามีความมั่นคงจริงๆ ว่า ใครทำร้ายเราไม่ได้ นอกจากอกุศล ใกล้ตัวที่สุด ทำร้ายทันที
~ คิดดีขึ้นบ้างหรือยัง? หรือคิดเหมือนเดิม? โกรธคนนี้ ก็ยังโกรธไว้ตั้งหลายปี คิดไหมว่ามีประโยชน์อะไร? พอตายแล้ว ก็ไม่รู้จักคนนี้แล้ว แต่ความโกรธตามไปในใจ
~ เจริญเมตตามากเท่าไหร่ มีแต่คุณ ไม่มีโทษเลย
~ สิ่งใดที่เป็นอกุศลที่เกิดแล้ว ก็ผ่านไปแล้ว เพราะฉะนั้น ตั้งต้นเสียใหม่ ถ้าคิดอย่างนี้ได้จะปลอดโปร่งใจมากทีเดียว จะละคลายความกังวลที่เป็นอกุศลที่สืบต่อมาอาจจะเป็นแรมวัน แรมเดือนหรือบางคนอาจจะเป็นแรมปีถ้าคิดไม่ได้ว่าเป็นแต่เพียงนามธรรมที่คิด ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ก็เป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของกุศลและได้รับประโยชน์จากการฟังพระธรรม
~ คนที่มั่นคงในธรรม ไม่ประมาทในกุศลแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก่อนอาจจะคิดถึงแต่กุศลใหญ่ๆ ที่จะทำ แต่พอฟังธรรมแล้ว แม้หนึ่งขณะที่เป็นกุศลก็ไม่พลาดที่จะทำถ้าขณะนั้นเห็นประโยชน์เห็นคุณค่าของกุศลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจธรรมได้ ไม่ใช่เรา แต่ปัญญาเท่านั้นที่กำลังทำหน้าที่
~ สาระสำคัญของชีวิตไมได้อยู่ที่กิน นอน นอน กิน ติดข้อง แล้วก็ตายไป แต่อยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ เกิดมาทั้งทีและก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ด้วย แล้วโอกาสแห่งการฟังพระธรรมก็มาถึงด้วย ก็ควรที่จะได้ฟัง ไม่ควรผ่านไป



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๑



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย มังกรทอง  วันที่ 15 ก.ย. 2567

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 2    โดย shsso2551  วันที่ 15 ก.ย. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย jaturong  วันที่ 15 ก.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 15 ก.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 5    โดย ธีรพันธ์  วันที่ 16 ก.ย. 2567

ขอถวายความนอบน้อมเเด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 6    โดย nattawan  วันที่ 16 ก.ย. 2567

มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง พึ่งเพื่อที่จะได้อบรมให้ความดีเกิดมากขึ้น เพื่อขณะนั้นอกุศลน้อยลงและปัญญาเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Wisaka  วันที่ 18 ก.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เจียมจิต สุขอินทร์  วันที่ 27 ก.ย. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ