อยากให้ท่าน อ.ขยายความให้ ตามที่เน้นสีครับ
โดย ลุงหมาน  17 พ.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 24869

[๑๗] ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่งลง ณ ที่สมควร ท่านพระมหาโมคคัลลานะผู้นั่งอยู่ ณ ที่สมควรแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“เวลานี้เมืองเวรัญชาเกิดข้าวยากหมากแพง ประชาชนมีความเป็นอยู่แร้นแค้น ใช้สลากปันส่วนซื้ออาหาร ล้มตายกันกระดูกขาวเกลื่อน ยากที่พระอริยะจะบิณฑบาตยังชีพได้ พระพุทธเจ้าข้า พื้นดินใต้มหาปฐพีนี้มีโอชะ มีรสอร่อย เหมือนน้ำผึ้งหวี่ที่ไม่มีตัวอ่อน ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระพุทธเจ้าจะพลิกแผ่นดิน เพื่อให้ภิกษุทั้งหลายได้ฉันง้วนดิน”
“ในแผ่นดินมีสัตว์อาศัยอยู่ เธอจักทำอย่างไรกับสัตว์เหล่านั้น โมคคัลลานะ”
“ข้าพระพุทธเจ้าจักเนรมิตฝ่ามือข้างหนึ่งให้เป็นเช่นแผ่นดินใหญ่ ย้ายเหล่าสัตว์ที่อาศัยแผ่นดินอยู่ไปรวมกันที่ฝ่ามือนั้น แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งพลิกแผ่นดิน พระพุทธเจ้าข้า”
“อย่าเลย โมคคัลลานะ เธออย่าพอใจที่จะพลิกแผ่นดินเลย หมู่สัตว์จะเข้าใจผิดได้”
“ขอประทานพระวโรกาสให้ภิกษุสงฆ์ทุกรูปไปบิณฑบาตในอุตตรกุรุทวีปเถิด พระพุทธเจ้าข้า”
“เธอจักทำอย่างไรกับภิกษุที่ไม่มีฤทธิ์”
“ข้าพระพุทธเจ้าจักทำให้ภิกษุสงฆ์ทุกรูปไปได้ พระพุทธเจ้าข้า”
“อย่าเลย โมคคัลลานะ เธออย่าพอใจการที่จะพาภิกษุสงฆ์ทุกรูปไปบิณฑบาตที่อุตตรกุรุทวีปเลย”



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 17 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในสมัยนั้นเกิด การขาดแคลนอาหาร ทุกพิขภัย อดอยากมาก ภิกษุสงฆ์ ก็อยู่ด้วยความลำบาก ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ผู้เลิศด้วยฤทธิ์ จึงทูลขอพลิกแผ่นดิน เพราะแผ่นดินมีอาหารมาก พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า

“อย่าเลย โมคคัลลานะ เธออย่าพอใจที่จะพลิกแผ่นดินเลย หมู่สัตว์จะเข้าใจผิดได้"

ซึ่งประโยคนี้ มีความหมายว่า เธออย่าทำการพลิกแผ่นดินเลย เพราะจะทำให้สัตว์ทั้งหลายเข้าใจผิด ซึ่งเข้าใจผิด ดังนั้น ประการแรก สัตว์โลกจะเข้าใจว่า ตกลงแผ่นดินนี้ เป็นของพวกเราที่เราอยู่ หรือ เป็นของภิกษุสงฆ์ ประการที่สองที่สำคัญ คือ ภัย ความอดอยาก ไม่ใช่มีเฉพาะในสมัยนั้น ต่อไปในอนาคตก็จะมี และต่อไปในอนาคต จะไม่มีพระภิกษุที่แสดงฤทธิ์ได้ ที่จะทำการพลิกแผ่นดิน หากเธอทำในครั้งนี้ ต่อไป ภิกษุอื่นทำไม่ได้ในสมัยอนาคตข้างหน้า เพราะจะมีพระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ สุขวิปสสกะ ที่แสดงฤทธิ์ไม่ได้ ชาวบ้าน หมู่สัตว์ ก็จะเข้าใจผิด คลาดเคลื่อน และติเตียนว่า ไม่มีพระอริยะแล้ว เพราะสมัยก่อนก็แสดงฤทธิ์ได้ เดี๋ยวนี้แสดงฤทธิ์ไม่ได้ เมื่อหมู่สัตว์เข้าใจผิด ก็ติเตียนพระอริยะที่แสดงฤทธิ์ไม่ได้ ก็ทำให้ไปอบาย ตกนรก พระพุทธเจ้าจึงทรงห้ามท่านพระมหาโมคคัลลานะ ครับ

นี่คือความหมายของประโยคนี้

ส่วนประโยคที่ว่า

“อย่าเลย โมคคัลลานะ เธออย่าพอใจการที่จะพาภิกษุสงฆ์ทุกรูปไป บิณฑบาตที่อุตตรกุรุทวีปเลย”

ท่านพระมหาโมคคัลานะ ก็จะพาภิกษุ ไปรับอาหารที่อีกทวีป พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสห้าม ซึ่งก็โดยนัยเดียวกัน เหตุผลเดียวกัน กับ การพลิกแผ่นดิน คือ ถ้าพระมหาโมคคัลานะ พาภิกษุเหาะไปทวีปอื่น สมัยอนาคต ไม่มีภิกษุที่มีฤทธิ์ ชาวบ้าน หมู่สัตว์ก็จะเข้าใจผิดว่า ไม่มีพระอริยะ และติเตียนภิกษุที่เป็นพระอริยะที่แสดงฤทธิ์ไม่ได้ ว่า ทำไมไม่พาไป ทวีปอื่น ติเตียนว่าไม่มีพระอริยะจริง ก็ทำให้ สัตว์โลกเข้าใจผิด และไปอบายเพราะการติเตียนนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสห้ามท่านพระมหาโมคคัลานะ ในการที่จะใช้ฤทธิ์พลิกแผ่นดิน และไปบิณฑบาตที่ทวีปอื่นด้วยฤทธิ์ ครับ

[เล่มที่ 1] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 338

[พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้พลิกแผ่นดิน]

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงคัดค้านการทูลขอของพระเถระนั้น จึงตรัสคำเป็นต้นว่า อย่าเลย โมคคัลลานะ !

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อล เป็นพระดำรัสที่ตรัสคัดค้าน.

หลายบทว่า วิปลฺลาสมฺปิ สตตา ปฏิลเภยฺย ความว่า สัตว์ทั้งหลายพึงเข้าถึงแม้การถือคลาดเคลื่อนไป.

ถามว่า พึงถึงการถือคลาดเคลื่อนอย่างไร?

แก้ว่า อย่างนี้คือ นี้เป็นแผ่นดิน หรือนี้มิใช่แผ่นดินหนอ.

อีกอย่างหนึ่ง พึงถึงการถือคลาดเคลื่อนที่ตรงกันข้ามอย่างนี้คือ นี้เป็นบ้านของพวกเรา หรือเป็นบ้านของคนเหล่าอื่นหนอ. ในนิคม ชนบท นาและสวนเป็นต้นก็มีนัยดังกล่าวมาแล้วนั้น.

อีกอย่างหนึ่ง นั้นมิใช่วิปัลลาส. เพราะว่าอิทธิวิสัยของท่านผู้มีฤทธิ์เป็นอจินไตย. ส่วนมนุษย์ทั้งหลาย พึงได้รับความเข้าใจผิด อย่างนี้ว่า ขึ้นชื่อว่าทุพภิกขภัยนี้ หาใช่จะมีในบัดนี้เท่านั้นไม่. แม้ในอนาคต ก็จักมี, ในกาลนั้น ภิกษุทั้งหลาย จักได้เพื่อนพรหมจารีผู้มีฤทธิ์เช่นนั้นแต่ที่ไหนเล่า ? ท่านเหล่านั้นเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระสุขวิปัสสก ท่านผู้ได้ฌาน และผู้บรรลุปฏิสัมภิทา แม้เป็นพระขีณาสพก็มี จักเข้าไปบิณฑบาตยังตระกูลอื่น เพราะไม่มีอิทธิพล ความวิตกอย่างนี้ ของมนุษย์ทั้งหลายจักมีขึ้นในภิกษุเหล่านั้นว่า ในครั้งพุทธกาล ภิกษุทั้งหลายได้เป็นผู้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ในสิกขาทั้งหลายแล้ว, ท่านเหล่านั้นได้ให้คุณทั้งหลายเกิดขึ้นแล้ว ทั้งในคราวมีทุพภิกขภัย ก็ได้พลิกแผ่นดิน แล้วฉันง้วนดิน, แต่บัดนี้ ท่านผู้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ในสิขาย่อมไม่มี, ถ้าจะพึงมีไซร้ก็พึงจะทำเหมือนอย่างนั้นทีเดียว ด้วยคิดว่า มนุษย์ทั้งหลาย ไม่พึงถวายบิณฑบาตที่สุกหรือดิบอย่างใดยอย่างหนึ่งแก่พวกเรา เพื่อขบฉัน ดังนี้, เพราะความวิตกอย่างว่ามานี้ มนุษย์เหล่านั้นพึงได้วิปัลลาส (ความเข้าใจเคลื่อนคลาด) นี้ ในพระอริยบุคคลทั้งหลาย ซึ่งมีตัวอยู่นั่นแหละว่า พระอริยบุคคลทั้งหลาย ไม่มี :- ก็แลมนุษย์ทั้งหลายผู้ติเตียนว่าร้ายอยู่ซึ่งพระอริยบุคคลด้วยอำนาจวิปัลลาส (ความเข้าใจผิด) จะพึงเป็นผู้เข้าถึงอบาย เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า การพลิกแผ่นดิน เธออย่าชอบใจเลย ดังนี้.

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 17 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลอย่างแท้จริง เกื้อกูลให้ได้เข้าใจอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง ป้องกันความเห็นผิด และอกุศลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส ครับ

...ขอบพระคุณ อ. ผเดิมและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 17 พ.ค. 2557

พระวินัย ช่วยขัดเกลากิเลสของพระภิกษุให้อยู่กันอย่างผาสุก ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย ลุงหมาน  วันที่ 20 พ.ค. 2557

ขอขอบคุณท่าน อ. ครับที่ช่วยขยายความให้ได้ชัดเจน

ก็ขออนุโมทนากับกุศลจิตกับทุกท่านครับ