ถ้ามีคนไม่สนใจในการแต่งกายเพราะระลึกถึงธรรมตามความเป็นจริง
โดย ผู้แสวงหา  22 เม.ย. 2551
หัวข้อหมายเลข 8391

คือผมได้ฟังอาจารย์สุจินต์บรรยายธรรม และมักจะได้ยินข้อความ นี้บ่อยมาก คือ สติต้องระลึกรู้สภาพที่ปรากฏตามความเป็นจริง ว่าไม่ใช่ตัวตน ฯ...

ถ้ามีคนหนี่งคนใดไม่หวีผม ใส่เสื้อผ้ายับๆ เพราะไม่ได้รีด หรือใส่เสื้อผ้าขาดๆ บ้านช่องไม่สะอาด เมื่อไปถามเขาๆ ก็บอกว่า เพราะว่าเขาได้ฟังอาจารย์มาว่าสิ่งทั้งหลายไม่มีตัวตน เขาก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวดีมาก ความสะอาดก็ไม่ต้องให้ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ใครเดีอดร้อนนะ เขาก็ระลึกรู้สภาพตามความเป็นจริงตลอด เช่นนี้อยากให้แสดงทัศนคติหน่อยว่าคนๆ นี้ กระทำถูกต้อง และควรถูกตำหนิหรือไม่



ความคิดเห็น 1    โดย prissna  วันที่ 22 เม.ย. 2551

ปุถุชนที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ย่อมคิดดี พูดดี ทำดี อะไรไม่ดีย่อมแก้ไข ไม่แก้ตัวจะกล่าวไปใย ถึงผู้มีคุณธรรม


ความคิดเห็น 2    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 เม.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การจะอบรมเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่เป็นการฝืนหรือบังคับ เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นครับ ไม่ต้องไปฝืนด้วยความเป็นตัวตน ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะทำตัวปอนๆ แต่ปัญญาเกิดขึ้นจากการฟังให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม จะใส่เสื้อหรือดำเนินชีวิตอย่างไร ก็ไม่พ้นไปจากธรรม ขณะที่คิดจะฝืนหรือบังคับเปลี่ยนแปลงเพราะคิดว่าเป็นปัจจัยให้สติเกิดก็เป็นความเข้าใจผิด ไม่เข้าใจเหตุของสติปัฏฐานว่าจะเกิดเพราะอะไร สติปัฏฐานเกิดจากการฟังให้เข้าใจเบื้องต้นว่าธรรมคืออะไร เป็นต้น และที่สำคัญการอบรมปัญญาขาดการเจริญกุศลประการต่างๆ ไม่ได้ด้วย และไม่ประมาทแม้อกุศลเล็กน้อย ขณะที่ไม่ทำความสะอาดบ้าน จิตเป็นอะไร ไม่ประมาทในอกุศลเล็กน้อยด้วยครับ ดังนั้นการอบรมสติปัฏฐานไม่ฝืนและเป็นปรกติในชีวิตประจำวันจริงๆ ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไรก็ไม่พ้นไปจากธรรม หากบุคคลนั้นสะสมมาที่จะใส่เสื้อผ้าอย่างนั้นก็เป็นไปตามการสะสม สามารถอบรมปัญญาได้ (ดังเช่น ภิกษุผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร) แต่ไม่ใช่ต้องไปพยายามทำให้ดูปอนๆ เพื่อขัดเกลากิเลส อันนี้ไม่ใช่เหตุให้เกิดปัญญาครับ เป็นตัวตนที่พยายามฝืนครับ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 3    โดย suwit02  วันที่ 23 เม.ย. 2551

ผมตอบคุณแสวงหามาหลายกระทู้แล้ว กระทู้นี้ผมขอเป็นฝ่ายถามบ้างนะครับ

๑. คนที่ไม่หวีผม ใส่เสื้อผ้ายับๆ เพราะไม่ได้รีด หรือใส่เสื้อผ้าขาดๆ บ้านช่องไม่สะอาดนั้น ชื่อว่า รักษาประโยชน์ในโลกนี้ของตนหรือไม่

๒.การกระทำตามข้อ 1. ทำให้ประโยชน์โลกหน้าของผู้นั้น เจริญขึ้นหรือไม่

๓.การกระทำตามข้อ 1. ทำให้ประโยชน์อย่างยิ่งของผู้นั้น เจริญขึ้น หรือไม่

ผมรอฟังคำตอบอยู่ ขอบคุณครับ
ขอพระสัทธรรม ทำให้ใจของคุณเบิกบาน


ความคิดเห็น 4    โดย ผู้แสวงหา  วันที่ 23 เม.ย. 2551

ตอบคุณ suwit02

ข้อ ๑ ไม่ เพราะขาดวินัย ต่อตนเองและผู้อื่น

ข้อ ๒ ไม่ทราบ

ข้อ ๓ ไม่ทราบ


ความคิดเห็น 5    โดย suwit02  วันที่ 23 เม.ย. 2551

คนที่ไม่หวีผม ใส่เสื้อผ้ายับๆ เพราะไม่ได้รีด หรือใส่เสื้อผ้าขาดๆ บ้านช่องไม่สะอาดนั้น (หากคนนั้นไม่เป็นบรรพชิต)

๒.ไม่ทำให้ประโยชน์โลกหน้าของผู้นั้น เจริญขึ้น
๓.ไม่ทำให้ประโยชน์อย่างยิ่งของผู้นั้น เจริญขึ้น

อนึ่งหากคนนั้น เห็นว่า การกระทำดังกล่าวทำให้กุศลเจริญขึ้น ความเห็นนั้นเป็นความเห็นผิด การกระทำตามความเห็นเช่นนั้นนั้นเป็นสีลัพพตปรามาสครับ

ขอพระสัทธรรม ทำให้ใจของคุณเบิกบาน


ความคิดเห็น 6    โดย study  วันที่ 23 เม.ย. 2551

ผู้ที่ศึกษาพระธรรมจนเข้าใจเรื่องสติปัฏฐาน ย่อมเป็นผู้ฉลาดทั้งบัญญัติและปรมัตถ์แม้พระอริยบุคคลท่านก็มีชีวิตตามปกติ กระทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องไม่เป็นที่ตำหนิแต่อย่างใด แต่ผู้ที่เข้าใจอนัตตาไม่ถูกต้อง ย่อมกระทำสิ่งที่ควรตำหนิ เช่น การไม่ทำความสะอาด เป็นต้น


ความคิดเห็น 7    โดย wannee.s  วันที่ 23 เม.ย. 2551

พระโพธิสัตว์เวลาจะแสดงธรรมะก็อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เพราะท่านเคารพธรรมค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย ป้าจาย  วันที่ 23 เม.ย. 2551

ทำไมถึงใช้คำว่า ถ้ามีคนหนึ่งคนใด แปลว่า เป็นเรื่องสมมติ ยิ่งไม่น่าจะนำมาพิจารณาและหากว่า เป็นเรื่องจริง ผู้นั้น ก็ไม่ได้ฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์อย่างแยบคาย ส่วนเรื่องการตำหนิ เป็นเรื่องไม่สมควรกระทำต่อผู้ใดเลยค่ะ เพราะเป็นการก่อให้เกิดโทสะทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้กล่าว และผู้ฟัง ยิ่งผู้ฟังเป็นผู้ว่ายาก หรือคนดื้อ ก็จะยิ่งเสียเวลา ควรแนะนำหรือกล่าวธรรม สมควรแก่ธรรมหรือสมควรแก่ผู้รับฟังด้วย จะดีกว่าค่ะ
ไม่เดือดร้อนใจกันทั้งสองด้าน


ความคิดเห็น 9    โดย lichinda  วันที่ 24 เม.ย. 2551

จิตของเสขบุคคลยังเป็นกุศล อกุศลอยู่ จะไม่ทำอย่างนั้นไม่ปรากฎว่าอเสขบุคคลทำอย่างนั้นการทำอย่างนั้นชื่อว่าเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น


ความคิดเห็น 10    โดย ผู้แสวงหา  วันที่ 24 เม.ย. 2551

ถ้าความสะอาดเรียบร้อยเป็นสิ่งที่น่าเคารพ เพราะฉะนั้น แสดงว่าการแสดงตนต่อสังคม สังคมก็ยังมีความต้องการความเรียบร้อย ความสะอาด จะถือว่าสังคมต้องการความสะอาดเรียบร้อย หรือว่าสังคมเป็นสังคมที่มีโลภะกันแน่


ความคิดเห็น 11    โดย wannee.s  วันที่ 24 เม.ย. 2551

โลภะ โทสะ โมหะ มีเป็นปกติเป็นธรรมดา ในขณะที่กุศลจิตไม่เกิดค่ะ ร่างกายสะอาด หลังอาบน้ำใหม่ๆ สดชื่น ไม่ง่วงนอน ฟังธรรมะเข้าใจค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย บักกะปอม  วันที่ 25 เม.ย. 2551

ถึงเครื่องแต่งกายจะเก่า ก็ควรปะชุนให้เรียบร้อย และควรจะสะอาดด้วยกาลเทศะก็สำคัญ เช่น สถานที่ เช่นไม่ควรใส่กางเกงขาสั้นไปในบางสถานที่เช่นการ ไปนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเช่นที่ ภูเขาทอง เมื่อขึ้นบันไดไปถึงชั้นบนสุดแล้ว ควรถอดรองเท้าก่อนแล้วจึงเข้าไปกราบและทำประทักษิณ เป็นต้น มิตรแท้ ไม่คบกันเพราะเสื้อผ้า หน้า ผม (แม้จะเก่า ปอน แต่ควรสะอาด เรียบร้อย) แต่คบกันเพราะ ความดีงามของจิตใจ.


ความคิดเห็น 13    โดย Charlie  วันที่ 25 เม.ย. 2551

ขณะที่สติต้องระลึกรู้สภาพที่ปรากฏตามความเป็นจริง ว่าไม่ใช่ตัวตน ฯ

มหากุศลจิตดวงไหนและเจตสิกอะไรครับที่ทำให้ คนหนี่งคนใดไม่หวีผมใส่เสื้อผ้ายับๆ เพราะไม่ได้รีด หรือใส่เสื้อผ้าขาดๆ บ้านช่องไม่สะอาด

ขอคุณผู้แสวงหากรุณาช่วยตอบด้วยครับ ถ้าคุณตอบได้ คุณจะเข้าใจคำถามที่คุณถามมาครับ ถ้าคุณตอบไม่ได้กรุณาแสวงหาคำตอบนะครับ


ความคิดเห็น 14    โดย vorapol  วันที่ 25 เม.ย. 2551
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 10 โดย ผู้แสวงหา

ถ้าความสะอาดเรียบร้อยเป็นสิ่งที่น่าเคารพ เพราะฉะนั้น แสดงว่าการแสดงตนต่อสังคม สังคมก็ยังมีความต้องการความเรียบร้อย ความสะอาด จะถือว่าสังคมต้องการความสะอาดเรียบร้อย หรือว่าสังคมเป็นสังคมที่มีโลภะกันแน่

ถ้ามีคนหนี่งคนใดไม่หวีผม ใส่เสื้อผ้ายับๆ เพราะไม่ได้รีด หรือใส่เสื้อผ้าขาดๆ บ้านช่องไม่สะอาด ผู้ที่ทำตัวเช่นนี้ คงไม่ใช่ผู้หมดโลภะแน่นนอน มีสังคมใดบ้างที่ไม่มีโลภะ? มีใครบ้างที่ไม่มีโลภะ?


ความคิดเห็น 15    โดย ไรท์แจกแล้วไง  วันที่ 26 เม.ย. 2551

การรักษาความสะอาดตามสมควร ไม่ใช่โลภะ เพราะพระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาติการอาบน้ำตามควรแก่ภิกษุ แม้พระพุทธองค์ก็สรงน้ำ ดังนั้นจึงไม่อาจใช้ประเด็นที่ว่าเพราะสรงน้ำคนนั้นจึงมีโลภะ


ความคิดเห็น 16    โดย Pararawee  วันที่ 26 เม.ย. 2551

ควร หรือ มิควร น่าจะคิดได้เอง