จริงอยู่ ด้วยกำลังของความโศก ฝีหัวใหญ่ย่อมตั้งขึ้นที่หัวใจ สุกงอมแล้วแตก โลหิตเป็นสีดำย่อมไหลออกทางปาก เกิดทุกข์ทางกายอย่างแรงขึ้นได้ และเมื่อคิดอยู่ว่า พวกญาติของเราเท่านี้ถึงความสิ้นไป โภคะของเราเท่านี้ถึงความสิ้นไป ดังนี้ ย่อมเกิดโทมนัสอย่างรุนแรงขึ้นไป ก็โสกะนี้พึงทราบว่าเป็นทุกข์ เพราะเป็นวัตถุที่ตั้งแห่งทุกข์ ๒ อย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้
ความเสียใจอย่างรุนแรงนั้นย่อมถึงกับทำให้โลหิตสีดำไหลออกทางปาก แต่ว่าก็คงจะมีน้อยคน ที่จะโศกเศร้าถึงอย่างนั้น
อีกประการหนึ่ง เพราะความโศกย่อมเสียดแทงหทัยของเหล่าสัตว์ดุจลูกศร ย่อมเผาหทัยของเหล่าสัตว์อย่างแรงกล้าอีก ดังศรเหล็กเครื่องสังหารมนุษย์อันร้อนด้วยไฟ และย่อมนำมาพร้อมแม้ซึ่งทุกข์ชนิดต่างๆ อันต่างโดยพยาธิ ชราและมรณะ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเรียกว่า ทุกข์แล
ความโศกเศร้าเสียใจในชีวิตประจำวันของแต่ละคน ย่อมเกิดจากเหตุต่างๆ กัน ตามเหตุการณ์ของแต่ละคน ซึ่งในมโนรถปุรณี อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต วรรคที่ ๑๓ ปนียสูตร ข้อ ๒๔๙ มีเรื่องเล่าว่า ...
ดังได้สดับมา พี่น้องสองคนนั้น ฆ่าแม่โคตัวหนึ่ง แบ่งเนื้ออกเป็น ๒ ส่วน ต่อแต่นั้น น้องชายพูดกับพี่ชายว่า ทารกของเรามีมาก ท่านจงให้ไส้ใหญ่เหล่านั้นแก่เราเถิด ครั้งนั้น พี่ชายจึงกล่าวกะเขาว่า เนื้อทั้งหมด เราแบ่งปันกันแล้วเป็น ๒ ส่วน เจ้าต้องการอะไรอีก ดังนี้ จึงประหารน้องชายให้ถึงสิ้นชีวิตแล้ว ก็เมื่อพี่ชายกลับไป แลดูเห็นน้องชายตายแล้ว จึงยังจิตให้เกิดขึ้นว่า เรากระทำกรรมอันหนักแล้ว ครั้งนั้นความโศกเศร้าอันมีกำลังเกิดขึ้นแล้วแก่เขา เขาระลึกถึงกรรมนั้นนั่นเทียว ในที่อันตนยืนแล้วบ้าง ในที่อันตนนั่งแล้วบ้าง ไม่ได้ความสบายใจเลย โอชะที่เขาลิ้ม ดื่ม เคี้ยว กิน ไม่แผ่ไปในสรีระของเขา สรีระมีเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น อุบาสกนั้นเมื่อตายไปก็เกิดในนรก เมื่อระลึกถึงกรรมนั้น ก็ทำให้ไม่สบายใจเลยในที่ๆ ยืนแล้วบ้าง ในที่นั่งแล้วบ้าง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
แด่ผู้มีทุกข์
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ