พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 342
พระศาสดาสอนให้ทำที่พึ่งด้วยธรรม ๔ ประการ
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอ
นั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วย
เรื่องชื่อนี้ (พระเจ้าข้า) ," จึงตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนา
ของเรา ปรารภความเพียรแล้ว ย่อมเป็นเจ้าของแห่งโลกุตรธรรมได้เที่ยว"
ดังนี้แล้ว ตรัสคาถานี้ว่า
๓. อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ
ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ
" ผู้มีปัญญา พึงทำเกาะ (ที่พึ่ง)
ที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้
ด้วยความหมั่น
ด้วยความไม่ประมาท
ด้วยความระวัง
และด้วยความฝึก. "
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า ทีปํ กยิราถ ความว่า ผู้มีปัญญา
ประกอบพร้อมแล้วด้วยปัญญาอันรุ่งเรืองในธรรม พึงทำ คือพึงกระทำ
ได้แก่อาจทำ เกาะ คืออรหัตตผล อันเป็นที่พึ่งพำนักของตนในสาครคือ
สงสารอันลึกยิ่ง โดยความเป็นที่พึ่งอันได้ยากยิ่งนี้ ด้วยธรรมอันเป็นเหตุ
๔ ประการเหล่านี้ คือ; ด้วยความหมั่น กล่าวคือ
ความเพียร ๑
ด้วยความไม่ประมาท กล่าวคือการไม่อยู่ปราศจากสติ ๑
ด้วยความระวัง กล่าวคือปาริสุทธิศีลสี่ ๑
ด้วยความฝึกอินทรีย์ ๑.
ถามว่า "พึงทำเกาะเช่นไร?"
แก้ว่า "พึงทำเกาะที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้." อธิบายว่า พึงทำ
เกาะที่ห้วงน้ำ คือ กิเลสทั้ง ๔ อย่าง ไม่สามารถจะท่วมพัดคือกำจัดได้;
แท้จริง พระอรหัต อันโอฆะไม่สามารถจะท่วมทับได้เลย.
ในเวลาจบคาถา ชนเป็นอันมาก ได้เป็นพระอริยบุคคล มีพระโสดาบันเป็นต้นแล้ว.
เทศนามีประโยชน์แก่บริษัทผู้ประชุมกันแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องพระจูฬปันถกเถระ จบ.
ผู้มีปัญญาพึงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง เพราะไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งที่แท้จริงได้นอกจากธรรม
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่...
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่
การมีธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึ่งคือการเจริญสติปัฏฐาน
...กราบอนุโมทนาในกุศลศรัทธาและวิริยะของคุณหมอด้วยค่ะ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ คุณเมตตา และทุกท่านมาก และ อนุโมทนา ครับ