พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 206
แต่นั้น สุเมธบัณฑิตนอนบนหลังตมแล้วก็คิดอย่างนี้ว่า ถ้าเราพึงปรารถนาไซร้ เราก็พึงเป็นสังฆนวกะ เผากิเลสทั้งหมดแล้วเข้าไปยังรัมมนครแต่เราไม่มีกิจที่จะเผากิเลสแล้วบรรลุพระนิพพาน ด้วยเพศที่ไม่มีใครรู้จัก ถ้ากระไร เราพึงเป็นเหมือนพระทีปังกรทศพล บรรลุปรมาภิสัมโพธิญาณ ขึ้นสู่ธรรมนาวา ยังมหาชนให้ข้ามสังสารสาครแล้วจึงปรินิพพานในภายหลัง นี้เป็นการสมควรแก่เรา. แต่นั้น จึงประชุมธรรม ๘ ประการ ลงนอนทำอภินิหารเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า. ด้วยเหตุนั้นจึงตรัสว่า เรานอนเหนือแผ่นดินแล้ว ใจก็ปริวิตกอย่างนี้ว่า วันนี้เราปรารถนา ก็จะพึงเผากิเลสทั้งหลายของเราได้. แต่ประโยชน์อะไรของเราด้วย เพศที่ไม่มีใครรู้จัก ด้วยการทำให้แจ้งธรรมในพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เราจักบรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระพุทธเจ้า ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก. ประโยชน์อะไรของเรา ด้วยบุรุษผู้เห็นกำลังจะข้ามสังสารสาครแต่เพียงคนเดียว เขาจักบรรลุสัพพัญญุตญาณแล้ว ยังโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกให้ข้ามสังสารสาคร. ด้วยอธิการบารมีนี้ ที่เราบำเพ็ญในพระพุทธเจ้า ผู้เป็นบุรุษสูงสุด เราบรรลุสัพพัญญุตญาณแล้วจะยัง หมู่ชนเป็นอันมากให้ข้ามสังสารสาคร. เราตัดกระแสแห่งสังสาร กำจัดภพ ๓ ได้แล้ว ขึ้นสู่ธรรมนาวา จักยังโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก ให้ข้าม สังสารสาคร.
ยินดีในกุศลจิตค่ะ