เรียนผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน ตอนนี้ดิฉันรู้สึกเบื่อที่ทำงานมากเลย มีแต่เรื่องให้ปวดหัว มีความรู้สึกอยากจะลาออกมากๆ แต่ดิฉันยังติดเรื่องเรียนอยู่ด้วย เพราะทำงานที่นี้มา 11 ปีแล้ว ยังต้องใช้เงินในการเรียนต่ออยู่ ดิฉันคิดว่าเรียนจบปีหน้าคงจะลาออก เย็นวันนี้ดิฉันนั่งดูทีวีมีรายการช่องหนึ่งที่ทางรายการเชิญผู้ทำงานด้านมูลนิธิฯ พอ.สว มาพูดถึงงานด้านของมูลนิธิฯ มันทำให้ดิฉันเกิดความรู้สึกอยากอาสาร่วมทำงานด้านนี้ ไม่รู้ว่าเป็นความรูสึกอะไรที่เกิดขึ้นกับจิตใจของตัวเอง แต่ดิฉันคงไม่มีโอกาสอย่างนั้นแน่เพราะไม่ได้เรียนมาด้านนี้ดิฉันก็เลยขออาสาเป็นผู้ช่วยเหลือมูลนิธิฯ ด้านบริจาคทรัพย์ดีกว่า ก็คิดว่าได้เป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือมูลนิธิฯ ก็ยังดีค่ะ
การทำงานไม่ว่าที่ไหนๆ ก็มีปัญหาที่ทำให้ปวดหัวทั้งนั้น แม้ว่าคุณจะลาออกไปทำงานที่อื่นก็ต้องมีปัญหาเช่นกัน เพราะวัฏฏะมันก็เป็นเช่นนี้เอง ผู้มีปัญญาท่านจึงเห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนี้ ท่านจึงอบรมเจริญปัญญาเพื่อดับกิเลสอันเป็นตัวสาเหตุของปัญหาต่างๆ ดังนี้เบื้องต้นควรแก้ที่กิเลสของตัวเราจะดีกว่า ถ้าเข้าใจความจริง เข้าใจปัญหา เข้าใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ คุณจะทำงานอย่างมีความสุขได้ สิ่งไหนที่ดีและมีประโยชน์ก็รีบๆ ทำไปเถอะ และอย่าลืมอบรมเจริญปัญญาด้วยการศึกษาฟังธรรมนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เห็นด้วยกับ คุณ prachern.s ครับ ปัญหาเกิดเพราะกิเลส จึงควรอบรมปัญญาเพื่อขัดเกลากิเลส เมื่อมีปัญญาก็ย่อมเกิดปัญหาน้อยลงเพราะคิดในทางที่ถูก เป็นไปใน กุศลธรรม จะไปไหนที่ไหนก็ตามความพอใจ ตามเหตุปัจจัย แต่ชีวิตที่มีค่าที่เกิดมา คือการศึกษาพระธรรมครับ ชีวิตเหลือน้อยแล้ว
อนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อะไรที่ทำซ้ำๆ จำเจ เช่น เห็นทุกวัน ได้ยินทุกวัน สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ฯลฯ กี่ภพกี่ชาติ ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ เบื่ออย่างไรก็หนี่ไม่พ้น จนกว่าจะมีปัญญาดับกิเลสตามลำดับขั้นค่ะ
ธรรมะทุกอย่างที่มีในชีวิตประจำวันเกิดขึ้นเป็นไป เพราะมีเหตุปัจจัยทั้งหมดครับ อยากลาออก เพราะมีเหตุปัจจัยให้อยากลาออก อยากหางานใหม่ เพราะมีเหตุปัจจัยให้อยากหางานใหม่ ได้เห็น ได้ยินว่ามีงานที่น่าสนใจ เพราะมีเหตุปัจจัย ให้ได้เห็น ได้ยินว่ามีงานที่น่าสนใจ เกิดคิดพิจารณางานที่ได้เห็น ได้ยินจากโทรทัศน์ว่าไม่เหมาะกับตน เพราะข้อจำกัดด้านความสามารถ เพราะมีเหตุปัจจัย ให้เกิดคิดพิจารณาอย่างนั้นๆ เกิดคิดวางแผนที่จะกระทำกุศลอย่างอื่นแทน เพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิดคิดจะกระทำ กุศลนั้นตามที่วางไว้ ชีวิตประจำวันมีเหตุปัจจัยของธรรมะมากมายให้ศึกษาจริงๆ ครับ ที่สำคัญคือ ถ้าไม่มีนามธรรม ได้แก่ จิตและเจตสิก อะไรก็ตามที่เราคิดว่าสำคัญมากย่อมไม่ปรากฏ
ในชีวิตประจำวัน อกุศลจิต (ทำให้เกิดความทุกข์) เกิดมากกว่ากุศลจิต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนสภาพแวดล้อมที่มากระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทีมีทั้งสิ่งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจเกิดจากผลกรรมที่ทำไว้ความรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจที่เกิดหลังจาก ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ได้รับทางกาย และทางใจขึ้นกับกิเลสที่สะสมไว้เช่น เห็นที่ทำงานแล้วเบื่อ ถ้าเป็นคนที่สะสมโทสะมากก็เบื่อมาก ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุและปัจจัยค่ะ