กระผมอ่านกระทู้ในหัวข้อ นิพพานอยู่ที่ไหน จะไปทางไหน (ตั้งกระทู้เมื่อ 24 ธ.ค. 2554) มีข้อความตอนหนึ่งว่า กิเลเส มาเรนโต คัจฉะติ เอเตนาติ มัคโคฯ
กิเลเส - กิเลส ๑๐ ประการ ซึ่งแยกออกเป็น ๑๕๐๐ อย่าง นั้น
มาเรนโต - กำจัดตัดฆ่าให้ขาดสะบั้นลงไป
คัจฉะติ - ดำเนินไปอยู่
เอเตนาติ - เพราะเหตุที่กำจัดตัดฆ่ากิเลสให้ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ดำเนินไปอยู่อย่างนั้น
มัคโค - จึงได้ชื่อว่า มรรค คือ การกำจัดมวลกิเลสแล้วดำเนินไปสู่พระนิพพาน เรียกว่า มรรค ดังนั้น การดำเนินไปสู่พระนิพพานก็ต้องดำเนินไปตามมรรค ๔ ประการ (โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค) นั่นเอง เพราะมรรคก็คือทางสายเอกสู่นิพพาน
เกิดความสงสัยว่า มรรค ตามคำบาลีที่ยกมา (กิเลเส มาเรนโต คัจฉะติ เอเตนาติ มัคโคฯ) หมายถึงอะไร มรรค ๔ ตามข้อความในกระทู้ (โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค) หรือว่า มรรค ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ
ขอพึ่งสติปัญญาของท่านผู้รู้ด้วยครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็ต้องแปลคำว่า มรรค ก่อนว่า มรรค หมายถึง หนทาง ซึ่งมีทั้งทางถูกกับทางผิด ถ้าเป็นหนทางที่ถูก ต้องเป็นไปเพื่อการอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลส จนกว่าจะดับได้อย่างหมดสิ้น ก็เป็นหนทางที่ถูกต้อง (สัมมามรรค, อริยมรรค) เริ่มต้นด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) เป็นต้น แต่ถ้าเป็นหนทางที่ผิด ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา มีแต่จะทำให้อกุศลเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับหนทางที่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นมิจฉามรรค อันมีพื้นฐานมาจากความเห็นผิดและความไม่รู้
การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น ต้องดำเนินตามหนทางที่ถูกต้อง คืออริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น ซึ่งก็ต้องเริ่มตั้งแต่ในขั้นของการอบรมด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ในขณะที่สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ขณะนั้นมรรคมีองค์ ๕ กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นการอบรมมรรค อันเป็นโลกิยมรรค ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นโลกุตตระ เพราะมรรคทั้ง ๘ องค์ จะประชุมพร้อมกันในขณะที่มรรคจิต ผลจิตเกิดขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น จากประเด็นคำถามที่ท่านนาวาเอกทองย้อยได้ถามนั้น มรรค ๔ คือ โสตาปัตติมรรคจนถึงอรหัตตมรรคนั้น ก็ไม่พ้นไปจากอริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง ซึ่งเป็นองค์มรรคทั้ง ๘ ที่เกิดร่วมกับมรรคจิต ๔ คือ โสตาปัตติมรรคจิต สกทาคามิมรรคจิต อนาคามิมรรคจิต และอรหัตตมรรคจิต ทำกิจประหารกิเลส ตามสมควรแก่มรรคของตนๆ ซึ่งถ้าไม่เดินทางตามที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ก็ย่อมไม่มีวันถึงขณะที่มรรคจิตและผลจิต จะเกิดได้เลยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
กิจของอริยสัจจ์ ๔
อริยมรรค
มรรคมีองค์ ๘
มรรคสมังคี
ขอเชิญคลิกฟังและอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ
ธรรมที่เป็นหนทาง
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 249
ความหมายของมรรค
มรรคนี้นั้น ชื่อว่าอริยะ เพราะทํากิเลสให้อยู่ห่างไกลบ้าง เพราะเป็นไปพร้อมเพื่อละข้าศึก (กิเลส) บ้าง เพราะเป็นมรรคที่พระอริยะแสดงไว้บ้าง เพราะเป็นไปพร้อมเพื่อให้ได้ความเป็นพระอริยะบ้าง. (มรรค) ชื่อว่ามีองค์ ๘ เพราะประกอบด้วยองค์ ๘ และจะพ้นไปจากองค์หาได้ไม่ เปรียบเหมือนเครื่องดนตรี ประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นต้น ฉะนั้น
ที่ชื่อว่ามรรค เพราะหมายความว่า ฆ่ากิเลสทั้งหลายไปบ้าง ดําเนินไปสู่นิพพานบ้าง อันบุคคลผู้ต้องการนิพพานแสวงหาบ้าง อันบุคคลผู้ต้องการนิพพานเหล่านั้นดําเนินไป คือปฏิบัติบ้าง.
บทว่า เสยฺยถีทํ เป็นนิบาต. นิบาตว่า เสยฺยถีทํ นั้น มีความหมายเท่ากับ กตโม โส (แปลว่า มรรคนั้นคืออะไรบ้าง) หรือมีความหมายเท่ากับ กตมานิ ตานิ อฏฺฐงฺคานิ (แปลว่า องค์ ๘ นั้นคืออะไรบ้าง) .
ความจริงแล้ว องค์แต่ละองค์ก็คือมรรคนั่นเอง. สมด้วยคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า สัมมาทิฏฐิเป็นมรรคด้วย เป็นเหตุด้วย. แม้โบราณาจารย์ทั้งหลายก็กล่าวไว้ว่า สัมมาทิฏฐิเป็นทางเป็นเหตุให้เห็น สัมมาสังกัปปะเป็นทางเป็นเหตุให้ฝังใจ (ในอารมณ์) ฯลฯ สัมมาสมาธิเป็นทางเป็นเหตุไม่ให้ฟุ้งซ่าน.
จากข้อความที่กระผมได้ยกมาในพระไตรปิฎกที่อธิบาย มรรค นั้น มุ่งหมายถึงอริยมรรค มีองค์ ๘ เป็นสำคัญ ว่าเป็นหนทาง ในการนำไปสู่การดับกิเลส ไปถึงพระนิพพาน และฆ่ากิเลสประการต่างๆ แต่ไม่ได้มุ่งหมายถึง มรรคจิต แต่ละขณะที่เป็นโสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค เพราะในสูตร กำลังอธิบาย คือหนทางดับกิเลสที่เป็นทางเดียว คืออริยมรรค มีองค์ ๘ นั่นเองครับ
ซึ่งจากข้อความที่ผู้ถาม ได้ยกมา มีดังนี้
กิเลเส มาเรนโต คัจฉะติ เอเตนาติ มัคโค ฯ
กิเลเส - กิเลส ๑๐ ประการ ซึ่งแยกออกเป็น ๑,๕๐๐ อย่างนั้น
มาเรนโต - กำจัดตัดฆ่าให้ขาดสะบั้นลงไป
คัจฉะติ - ดำเนินไปอยู่
เอเตนาติ - เพราะเหตุที่กำจัดตัดฆ่ากิเลสให้ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ดำเนินไปอยู่อย่างนั้น
มัคโค - จึงได้ชื่อว่า มรรค
ซึ่งผู้ถามได้ถามว่า มรรค ในที่นี้ มุ่งหมายถึงอะไร
ซึ่ง มรรค ในที่นี้ กำลังแสดงถึงหนทางที่ดำเนินไป คือ มรรค ดังนั้น จึงมุ่งหมายถึง อริยมรรคมีองค์ ๘ ที่เป็นทางเดียวที่จะดับกิเลสทั้งปวงจนหมดสิ้น แต่ไม่ได้มุ่งหมายถึงมรรคจิตแต่ละมรรคจิต เพราะบางมรรคจิต มีโสดาปัตติมรรคจิตก็ไม่ได้ฆ่ากิเลสจนหมดสิ้น มีกิเลสพันห้าหรือกิเลส ๑๐ ประการจนหมดทีเดียวครับ (ดังข้อความที่ยกมา) ดังนั้น มรรค ในที่นี้จึงมุ่งหมายถึงอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่เป็นหนทางดับกิเลสเป็นสำคัญครับ อันแสดงว่าหนทางคือมรรคนี้ คืออริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นหนทางดับกิเลสทั้งปวงและถึงพระนิพพานครับ ซึ่งแสดงโดยในสติปัฏฐานสูตรเป็นสำคัญครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา