เมื่อเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ทรงแวะพักที่โคนต้นไม้ข้างทาง แล้วตรัสกับพระอานนท์ว่า เราเหนื่อย จักนั่ง เรากระหาย จักดื่มน้ำ พระอานนท์กราบทูลว่า เมื่อครู่นี้ กองเกวียน ๕๐๐ เล่มเพิ่งข้ามไป น้ำนั้นยังขุ่นอยู่ กกุธานที อยู่ห่างไม่ไกลนักที่นั่นมีน้ำใสสะอาด มีท่าน้ำเรียบ น่ารื่นรมย์ขอพระองค์ทรงดื่มและทรงสรง ในแม่น้ำนั้นเถิดแต่พระพุทธองค์ ก็ทรงตรัสเช่นเดิมอีก ครั้งที่ ๓ พระอานนท์จึงถือบาตร ลงไปยังแม่น้ำนั้น ปรากฏว่า น้ำกลับใสสะอาดพระอานนท์ตักน้ำแล้ว กลับมากราบทูลว่า น่าอัศจรรย์หนอ เหตุไม่เคยมีความที่พระตถาคตมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากน้ำจึงใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อานนท์ ในปัจฉิมยามแห่งราตรีนี้ ตถาคตจักปรินิพพานระหว่างไม้สาละคู่ ในสาลวันแห่งมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา มาเถิดอานนท์ เราจักไปยัง กกุธานที
เมื่อเสด็จไปถึง กกุธานที ทรงสรง ทรงดื่มแล้วเสด็จไปยัง อัมพวัน ตรัสกับ พระจุนทกะ ว่า ดูก่อนจุนทกะท่านจงช่วยปูผ้าสังฆาฏิ พับเป็น ๔ ชั้นให้เราเราเหนื่อยนัก จักนอน แล้วทรงมนสิการอุฏฐานสัญญามนสิการ (คือ นอนพักชั่วครู่ แล้วจะเสด็จเดินทางต่อ) โดยมี พระจุนทกะ นั่งเฝ้าอยู่เบื้องพระพักตร์
ครั้งนั้น พระพุทธองค์ รับสั่งกับพระอานนท์ว่า บางทีอาจมีผู้ทำความร้อนใจ ให้เกิดแก่นายจุนทกัมมารบุตร ในภายหลังว่า ตถาคตบริโภคบิณฑบาตของเธอ แล้วปรินิพพานอานนท์ เธอจงช่วยบรรเทาความร้อนใจ ของจุนทกัมมารบุตรด้วยคำตรัสของเราว่า
ตถาคต บริโภคบิณฑบาตใดแล้ว ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๑
ตถาคต บริโภคบิณฑบาตใดแล้ว ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน ๑
บิณฑบาต ๒ คราวนี้มีผลเสมอกัน มีอานิสงส์เสมอกันมีผลใหญ่กว่าบิณฑบาตอื่นๆ กรรมที่นายจุนทกัมมารบุตรสั่งสมแล้ว เป็นไปเพื่ออายุ วรรณะ สุขะ ยศ สวรรค์ และเป็นไปเพื่อความยิ่งใหญ่
ในกาลต่อมา นางสุชาดา และ นายจุนทะ ได้สดับว่า พระศาสดาตรัสเช่นนั้น หวนรำลึกถึงผลแห่งการถวายทานของตนว่า เป็นลาภของเราหนอ จึงเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ