ควรทราบว่าปัญญาเกิดแล้วไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดไป คือเมื่อเกิดแล้วก็ดับไป แต่สิ่งที่
เคยรู้แล้ว จะกลับไปไม่รู้อีกหรือถ้าในชาติเดียวกันถ้าเป็นผู้ไม่ประมาทปัญญาย่อมเจริญต่อไปได้ ไม่ใช่กลับไปโง่เหมือนไม่รู้อะไรเลย แต่ถ้าเป็นผู้ประมาท มากไปด้วยอกุศลธรรมปัญญาที่เคยเกิดย่อมไม่เกิดขึ้น ในชาติต่อไปถ้าเกิดในสวรรค์ ปัญญาย่อมสะสมเจริญต่อไปได้ แต่ถ้าไปเกิดในมนุษย์ ปัญญาก็ต้องสะสมอบรมกันใหม่ เพราะกว่าจะเติบโตจนรู้ความก็ต้องใช้เวลานานเป็นสิบปี แต่สิ่งที่เคยอบรมมาแล้วก็เกื้อกูล เป็นอุปนิสสัยต่อไป แต่วิปัสสนาญาณที่เคยเกิดแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดไปครับ
นโม นานาธิมุตติกญาณสฺส : ขอนอบน้อมนานาธิมุตติกญาณ
สวัสดีครับ คุณ บอม8813 และ คุณ ประเชิญ, ขอโอกาสยกตัวอย่างด้วยคน ครับ.
ใน อรรถกถาฆฏิการสูตร ได้กล่าวถึง พระโพธิสัตว์สมัยที่เกิดในยุคพระพุทธเจ้ากัสสปะไว้ว่าเคยได้ถึงอนุโลมญาณเลยทีเดียว ครับ.
แต่หลังจากชาตินั้นไป พระโพธิสัตว์ก็ยังไปตกนรกอีก เช่น ก่อนชาติที่จะเป็นพระเตมี เป็นต้น ซึ่งในนรก ไม่มีวิปัสสนาญาณเกิดอยู่แล้ว จึงเป็นอันว่า วิปัสสนาญาณเสื่อมได้ ครับ.
อนึ่ง - อนุโลมญาณในที่นี้ มีความหมายตามคัมภีร์วิภังค์ ที่หมายถึง อนุโลมขันติญาณ หรือ ได้แก่ อุทยัพพยญาณ เป็นต้นไปนั่นนเอง ครับ.
อ้างอิง :
ข้อความใน อรรถกถาฆฏิการสูตร .-
บทว่า อลตฺถ โข อานนฺท ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทํ ความว่า โชติปาลมาณพบวชแล้วได้กระทำอย่างไร ที่ผู้เป็นพระโพธิสัตว์จะพึงกระทำ. ธรรมดาพระโพธิสัตว์ย่อมบรรพชาในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ก็แลครั้นบวชแล้วย่อมไม่เป็นผู้มีเขาอันตกแล้วดุจสัตว์นอกนี้ ตั้งอยู่ ในจตุปาริสุทธิศีลแล้วเล่าเรียนพระพุทธพจน์ คือพระไตรปิฎก สมาทานธุดงค์ ๑๓ เข้าป่า บำเพ็ญคตวัตรและปัจจาคตวัตร กระทำสมณธรรม เจริญวิปัสสนา จนถึงอนุโลมญาณจึงหยุด ไม่กระทำความพยายามเพื่อมรรคผลต่อไป แม้โชติปาลมาณพก็ได้กระทำอย่างนั้นเหมือนกัน.
ปัญญาเกิดแล้วดับจริง แต่ในสังสารวัฏฏ์ ส่วนมากวิปัสสนาญาณที่ 1 ไม่เคยเกิด
และเกิดได้แสนยาก ยากมากๆ ค่ะ