คำเตือนที่น่าฟัง
โดย เจตสิก  27 ธ.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 6706

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ -

[๘๑๗] สามเณรสานุฟื้นขึ้นแล้วกล่าวว่า โยม ญาติ และมิตรทั้งหลายย่อม ร้องไห้ถึงคนที่ตายแล้วหรือยังเป็นอยู่ แต่ หายไป โยมยังเห็นฉันเป็นอยู่ ไฉนโยม จึงร้องไห้ถึงฉัน. [๘๑๘] อุบาสิกากล่าวว่า ลูกเอ๋ย ญาติและมิตรทั้งหลายย่อม ร้องไห้ถึงคนที่ตายแล้วหรือยังเป็นอยู่แต่ หายไป แต่คนใดละกามทั้งหลายแล้วจะ กลับมาในกามนี้อีก ลูกรัก ญาติและมิตร ทั้งหลายย่อมร้องไห้ถึงคนนั้น เพราะเขา เป็นอยู่ต่อไปอีกก็เหมือนตายแล้ว แน่พ่อ เรายกท่านขึ้นจากเถ้ารึงที่ยังร้อนระอุแล้ว ท่านอยากจะตลลงไปสู่เถ้ารึงอีก แน่พ่อ เรายกท่านขึ้นจากเหวแล้ว ท่านอยากจะ ตกลงไปสู่เหวอีก เราจะโพนทะนาแก่ ใครเล่าว่า ขอท่านจงช่วยกัน ขอความ เจริญจงมีแก่ท่าน ประดุจสิ่งของที่ขนออก แล้วจากเรือนที่ไฟไหม้ แก่ท่านอยากจะ เผามันเสียอีก.



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 27 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย แช่มชื่น  วันที่ 27 ธ.ค. 2550

ผู้ที่ครองเพศบรรพชิตในสมัยพุทธกาล หลายท่านบวชด้วยปัญญา ด้วยศรัทธา ด้วยวิริยะยอมสละอาคารบ้านเรือน วงศาคณาญาติ แต่เมื่อถูกกิเลสที่สั่งสมมานานครอบงำจิตเข้าแม้จะเป็นผู้ที่มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน เมื่อขาดสติก็ย่อมไหลไปตามอำนาจของกิเลส ลืมไปว่าตนบวชเพื่อกระทำกิจของพระพุทธศาสนาให้เสร็จสิ้น คือ การบรรลุธรรมเป็นพระ-อริยบุคคลขั้นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรประมาทกำลังของกิเลสเลย แต่ผู้ที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังมีกิเลส มีตัวตนที่ยึดไว้เหนียวแน่นครับ เผลอๆ ก็ลืมอีกแล้วว่าเป็นธรรมะลืมความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม คิดหาทาง หาวิธีต่างๆ ให้ได้ผลในเหตุที่ยังสะสมไม่พอเพราะความรักตนอยู่ร่ำไป หรือบางทีก็แสนจะย่อหย่อนด้วยอำนาจของกิเลส จมอยู่ในห้วงน้ำ คือ โอฆะ เหตุนี้ ทางสายกลางจึงไม่ใช่ทางที่จะดำเนินไปได้ง่าย ต้องอาศัยวิริยะในการฟังพระธรรมกันต่อไปครับขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 27 ธ.ค. 2550

การอยู่ในเพศภิกษุ ท่านเปรียบเหมือนการเกิดใหม่ ส่วนการบวชแล้วสึกท่านเปรียบเหมือนคน

ตาย ถ้าเมื่อใดประมาทกับกิเลส อกุศลก็เจริญค่ะ เราจึงต้องอบรมเจริญธรรมะเนืองๆ บ่อยๆ ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 27 ธ.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 150

พระองคุลิมาลอุทาน

[๕๓๔] ครั้งนั้น ท่านพระองคุลิมาลไปในที่ลับเร้นอยู่ เสวยวิมุตติสุข

เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลัง

ผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง

ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น

ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสีย

ได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง

ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น

ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวาย

ในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกนี้

ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึงพ้นแล้วจากเมฆ

ฉะนั้น.

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 5    โดย devout  วันที่ 28 ธ.ค. 2550

อยู่ในเพศไหนก็บรรลุธรรมได้ถ้าไม่ประมาท