พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ -
[๘๑๗] สามเณรสานุฟื้นขึ้นแล้วกล่าวว่า โยม ญาติ และมิตรทั้งหลายย่อม ร้องไห้ถึงคนที่ตายแล้วหรือยังเป็นอยู่ แต่ หายไป โยมยังเห็นฉันเป็นอยู่ ไฉนโยม จึงร้องไห้ถึงฉัน. [๘๑๘] อุบาสิกากล่าวว่า ลูกเอ๋ย ญาติและมิตรทั้งหลายย่อม ร้องไห้ถึงคนที่ตายแล้วหรือยังเป็นอยู่แต่ หายไป แต่คนใดละกามทั้งหลายแล้วจะ กลับมาในกามนี้อีก ลูกรัก ญาติและมิตร ทั้งหลายย่อมร้องไห้ถึงคนนั้น เพราะเขา เป็นอยู่ต่อไปอีกก็เหมือนตายแล้ว แน่พ่อ เรายกท่านขึ้นจากเถ้ารึงที่ยังร้อนระอุแล้ว ท่านอยากจะตลลงไปสู่เถ้ารึงอีก แน่พ่อ เรายกท่านขึ้นจากเหวแล้ว ท่านอยากจะ ตกลงไปสู่เหวอีก เราจะโพนทะนาแก่ ใครเล่าว่า ขอท่านจงช่วยกัน ขอความ เจริญจงมีแก่ท่าน ประดุจสิ่งของที่ขนออก แล้วจากเรือนที่ไฟไหม้ แก่ท่านอยากจะ เผามันเสียอีก.
ขออนุโมทนาครับ
ผู้ที่ครองเพศบรรพชิตในสมัยพุทธกาล หลายท่านบวชด้วยปัญญา ด้วยศรัทธา ด้วยวิริยะยอมสละอาคารบ้านเรือน วงศาคณาญาติ แต่เมื่อถูกกิเลสที่สั่งสมมานานครอบงำจิตเข้าแม้จะเป็นผู้ที่มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน เมื่อขาดสติก็ย่อมไหลไปตามอำนาจของกิเลส ลืมไปว่าตนบวชเพื่อกระทำกิจของพระพุทธศาสนาให้เสร็จสิ้น คือ การบรรลุธรรมเป็นพระ-อริยบุคคลขั้นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรประมาทกำลังของกิเลสเลย แต่ผู้ที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังมีกิเลส มีตัวตนที่ยึดไว้เหนียวแน่นครับ เผลอๆ ก็ลืมอีกแล้วว่าเป็นธรรมะลืมความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม คิดหาทาง หาวิธีต่างๆ ให้ได้ผลในเหตุที่ยังสะสมไม่พอเพราะความรักตนอยู่ร่ำไป หรือบางทีก็แสนจะย่อหย่อนด้วยอำนาจของกิเลส จมอยู่ในห้วงน้ำ คือ โอฆะ เหตุนี้ ทางสายกลางจึงไม่ใช่ทางที่จะดำเนินไปได้ง่าย ต้องอาศัยวิริยะในการฟังพระธรรมกันต่อไปครับขออนุโมทนาครับ
การอยู่ในเพศภิกษุ ท่านเปรียบเหมือนการเกิดใหม่ ส่วนการบวชแล้วสึกท่านเปรียบเหมือนคน
ตาย ถ้าเมื่อใดประมาทกับกิเลส อกุศลก็เจริญค่ะ เราจึงต้องอบรมเจริญธรรมะเนืองๆ บ่อยๆ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 150
พระองคุลิมาลอุทาน
[๕๓๔] ครั้งนั้น ท่านพระองคุลิมาลไปในที่ลับเร้นอยู่ เสวยวิมุตติสุข
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลัง
ผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง
ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น
ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสีย
ได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง
ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น
ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวาย
ในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกนี้
ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึงพ้นแล้วจากเมฆ
ฉะนั้น.
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อยู่ในเพศไหนก็บรรลุธรรมได้ถ้าไม่ประมาท