คนที่โดนรถชนตายแล้ววิญญาณจะวนเวียนอยู่ที่เดิมหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ไม่มีที่ใด สถานที่ใดที่สัตว์ไม่ตายไม่มี คือ สามารถตายได้ทุกที่ครับ ไม่มีนิมิตเครื่อง
หมายว่าจะตายตอนไหน เวลาใด ไม่รู้เวลาตายและไม่รู้เลยว่าจะตายเพราะเหตุอะไร
และที่สำคัญที่สุด และไม่มีรู้เลยว่าตายไปแล้วจะไปเกิดที่ไหนครับ เมื่อยังเป็น
ปุถุชน ก็มีคติ คือ ภพที่จะไปเกิดที่ไม่แน่นอนเลย เหมือนกับการโยนไม้ไปในอากาศ
บางคราว ทางปลายด้านซ้ายก็ตกลงพื้นก่อน บางคราวปลายด้านขวาก็ตกลงพื้นก่อน
บางคราวตรงกลางก็ตกลงพื้นก่อน ไม่แน่นอนครับ แต่โดยมากแล้ว สัตว์โดยมากเมื่อ
ตายไปก็ไปเกิดในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้นเป็นส่วนมาก ผู้ที่จะกลับมาเกิดในสุคติภูมิ มี
มนุษย์และเทวดาเป็นส่วนน้อยครับ
สำหรับสัจจะความจริงที่พระพุทธเจ้าแสดงนั้น เมื่อตายไปจะต้องเกิดทันที ไม่ใช่เป็น
วิญญาณล่องลอย เป็นผีเฝ้าอยู่ที่สถานที่หนึ่ง สถานที่ใดครับ แต่เมื่อเห็นบุคคลที่ตาย
แล้ว นั่นแสดงว่าไปเกิดแล้ว ไปเกิดเป็นอีกภพภูมิหนึ่ง เช่น เกิดเป็นเปรตก็ได้ครับ
เพราะเขาต้องการส่วนบุญจึงมาให้เห็นนั่นเอง แต่เกิดแล้วครับ เป็นเปรตนั่นเองครับ
ตามที่กล่าวมา สัตว์โลกไม่มีที่ไหนไม่เคยตาย แม้การตายโดยรถชนก็เป็นธรรมดาที่
ทุกคนเคยตายมาแล้วทั้งสิ้น ไม่มีสถานที่ใดที่รอดพ้นจากกรรม ไม่ว่าจะเป็นอากาศ
ซอกเขาในน้ำก็ไม่พ้นจากมัจจุราช ความตายได้ เแต่การที่ตายไปแล้วจะต้องเป็นผีที่
อยู่ที่นั้นเฝ้าบริเวณนั้น ไม่ใช่เช่นนั้นครับ เช่น การตายเพราะถูกรถชน วิญญาณต้องวน
เวียนอยู่บริเวณนั้น เพราะตายแล้วเกิดทันทีครับไม่ใช่ เพราะสถานที่ที่ตาย ไม่ใช่หลักที่
จะทำให้ผู้ตายเกิดที่สถานที่ตายครับ บางพวกก็ไปนรกทันที บางพวกก็เกิดในสวรรค์
ก็ไ้ด้ ถ้ากุศลกรรมให้ผล ส่วนผีพราย หากเป็นผู้ตายให้เห็นแม้ตายไปแล้ว บริเวณสถาน
ที่ที่ตาย ก็เกิดแล้ว เป็นเปรตที่มาขอส่วนบุญได้ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ชีวิตของคนเรานั้น เป็นการเกิดดับสืบต่อกันของจิตแต่ละขณะๆ เรื่อยไป จิตขณะหนึ่งดับไปเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้นเป็นไปอย่างนี้ ตั้งแต่เกิดจนตายจากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง ที่กิเลสเกิดขึ้นมากมายหลายชนิดนั้นก็เพราะได้สะสมมาแล้วในอดีตเมื่อปัญญายังไม่เจริญขึ้นถึงขั้นที่จะดับกิเลสได้ กิเลสก็จะเกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างเช่นในชาตินี้ และเพราะยังมีกิเลสอยู่นี้เอง การเวียนว่ายตายเกิด จึงยังไม่จบสิ้น ตามความเป็นจริงแล้ว ชีวิตจะยืนนานเท่าใด จะตายเมื่อไหร่ จะตายที่ไหน จะตายด้วยโรคอะไร และ ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน ย่อมไม่มีใครทราบได้เลย การเกิดมาในภพหนึ่งชาติหนึ่งนั้น สั้นมาก ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันนั้น ก้าวไปใกล้ความตายเข้าไปทุกทีๆ ในพระไตรปิฎก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมด้วยข้ออุปมาให้เห็นถึงความเล็กน้อยของชีวิตไว้มากมาย เพื่อให้ผู้ศึกษาได้เข้าใจตามความเป็นจริง เพื่อจะได้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตอันมีประมาณน้อยนี้ เช่น ชีวิตเปรียบเหมือนน้ำค้างที่อยู่บนยอดหญ้าพอพระอาทิตย์ขึ้นมา ก็เหือดแห้งไป ชีวิตมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้น ชีวิตเปรียบเหมือนรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ ที่กลับเข้าหากันเร็ว ไม่ตั้งอยู่นาน ชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเช่นนั้น หรือแม้กระทั่ง อุปมาเหมือนกับการทอผ้าของช่างทอผ้า ขณะที่ทอผ้า แผ่นผ้าก็จะค่อยๆ เต็มขึ้น ส่วนที่ยังทอไม่เสร็จก็จะเหลือน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเต็มผืนในที่สุด ชีวิตชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเช่นนั้น ซึ่งในที่สุดก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น แต่จะตายที่ไหน เมื่อใด ด้วยโรคอะไร และ หลังจากที่ตายแล้วจะไปเกิด ณ ที่ใด ไม่สามารถทราบได้ และตายแล้ว ก็เกิดทันที ผู้กระทำกรรมอันเป็นบาป เมื่อบาปให้ผล ย่อมเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิ ตามสมควรแก่กรรม ผู้กระทำกุศลกรรม เมื่อถึงคราวที่กุศลกรรมให้ผล ก็เป็นเหตุให้ไปเกิดในสุคติภูมิ อันได้แก่ เกิดเป็นมนุษย์ หรือเกิดเป็นเทวดา [ส่วนผู้ทีีี่ดับกิเลสได้หมดสิ้น เป็นพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก] เราจักต้องตายแน่แท้ เราจะต้องตายเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วนั่นแหละ นี้คือความจริงที่ทุกคนควรรู้ ถึงอย่างไรก็จะต้องถึงวันนั้นอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ควรที่จะเป็นโอกาสของการสะสมคุณงามความดี เจริญกุศลประการต่างๆ ตามกำลังความสามารถของตนเองที่พอจะเป็นไปได้ รวมถึงการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ยิ่งขึ้น ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่าจะเป็นวันไหนและเวลาใด และอาจจะเป็นอย่างที่ปรากฏอยู่ในคำถามก็ได้ [คือ "โดนรถชน"] ซึ่งไม่สามารถทราบได้จริงๆ ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ที่พักในโลกนี้เป็นที่พักชั่วคราวจริง ๆ ไม่มีใครที่เกิดมาไม่ตาย แม้แต่พระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ก็หนีไม่พ้น แต่ท่านไม่เกิดอีกเลย เพราะท่านดับกิเลสหมด
แล้ว ส่วนปุถุชนยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังต้องเวียนตายเวียนเกิดอยู่ร่ำไป เกิดในสุคติ
ภูมิบ้าง เกิดในทุคติภูมิบ้าง ก็แล้วแต่กรรมดีหรือกรรมชั่วจะให้ผล ผู้มีปัญญาจะ
ไม่ประมาท เพราะชีวิตใกล้เข้าไปสู่ความตายแล้ว สิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุดในชีวิต
ก็คือการศึกษาพระธรรม แล้วน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนค่ะ
ขอบคุณมากน่ะยัยเต้
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะขออนุโมทนา
อนุโมทนาครับ