[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 22
๔. อุรคชาดก
ว่าด้วยงูผู้มีคุณธรรมสูง
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 22
๔. อุรคชาดก
ว่าด้วยงูผู้มีคุณธรรมสูง
[๑๕๗] พญานาคประเสริฐกว่างูทั้งหลาย ต้องการจะพ้นไปจากสำนักของข้าพเจ้า แปลงเพศเป็นก้อนแก้วมณี เข้าไปอยู่ภายในผ้าเปลือกไม้นี้ ข้าพเจ้าเคารพยำเกรงเพศของพระคุณเจ้า ซึ่งเป็นเพศประเสริฐนัก แม้จะหิวก็ไม่อาจจะจับนาคซึ่งเข้าไปอยู่ภายในผ้าเปลือกไม้นั้นออกมากินได้.
[๑๕๘] ท่านนั้นเคารพยำเกรงผู้มีเพศประเสริฐ แม้จะหิวก็ไม่อาจจะจับนาคซึ่งเข้าไปอยู่ภายในผ้าเปลือกไม้นั้นออกมากินได้ ขอท่านนั้นจงเป็นผู้อันพรหมคุ้มครอง ดำรงชีพอยู่สิ้นกาลนานเถิด อนึ่ง ขอภักษาหารอันเป็นทิพย์จงปรากฏแก่ท่านเถิด.
จบ อุรคชาดกที่ ๔
อรรถกถาอุรคชาดกที่ ๔
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการผูกเวรของคนมีเวร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 23
เริ่มต้นว่า อิธูรคานํ ปวโร ปวิฏฺโ ดังนี้.
ได้ยินว่า มหาอํามาตย์สองคนเป็นหัวหน้าทหาร เป็นเสวกของพระเจ้าโกศล เห็นกันและกันเข้าก็ทะเลาะกัน. การจองเวรของเขาทั้งสองเป็นที่รู้กันทั่วนคร. พระราชา ญาติ และมิตร ไม่สามารถจะทำให้เขาทั้งสองสามัคคีกันได้.
อยู่มาวันหนึ่ง ในเวลาใกล้รุ่งพระศาสดาทรงตรวจดูเผ่าพันธุ์สัตว์ที่ควรแนะนำให้ตรัสรู้ ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของเขาทั้งสอง วันรุ่งขึ้นเสด็จสู่กรุงสาวัตถีเพื่อบิณฑบาตพระองค์เดียวเท่านั้น ประทับยืนที่ประตูเรือนของคนหนึ่ง. เขาออกมารับบาตรแล้วนิมนต์พระศาสดาให้เสด็จเข้าไปภายในเรือน ปูอาสนะให้ประทับนั่ง. พระศาสดาประทับนั่งแล้ว ตรัสอานิสงส์แห่งการเจริญเมตตาแก่เขา ทรงทราบว่ามีจิตอ่อนแล้ว จึงทรงประกาคอริยสัจ. เมื่อจบอริยสัจ เขาตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. พระศาสดาทรงทราบว่าเขาบรรลุโสดาแล้ว ให้เขาถือบาตร ทรงพาไปประตูเรือนของอีกคนหนึ่ง. อำมาตย์นั้นก็ออกมาถวายบังคมพระศาสดากราบทูลว่า ขอเชิญเสด็จเข้าไปเถิดพระเจ้าข้า แล้วทูลเสด็จเข้าไปยังเรือน อัญเชิญให้ประทับนั่ง. อำมาตย์ที่ตามเสด็จก็ถือบาตรตามเสด็จพระศาสดาเข้าไปพร้อมกับพระศาสดา. พระศาสดาตรัสพรรณนาอานิสงส์เมตตา ๑๑ ประการ ทรงทราบว่าเขามีจิตสมควรแล้ว จึงทรงประกาศสัจธรรม. เมื่อจบแล้ว อำมาตย์นั้นก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. อำมาตย์ทั้งสอง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 24
บรรลุโสดาบันแล้ว ก็แสดงโทษ ขอขมากันและกัน มีความสมัครสมานบันเทิงใจ มีอัธยาศัยร่วมกันด้วยประการฉะนี้. วันนั้นเองเขาทั้งสองบริโภคร่วมกัน เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระศาสดาเสวยภัตตาหารเสร็จแล้วได้เสด็จกลับพระวิหาร. อำมาตย์สองคนนั้นก็ถือดอกไม้ของหอมเครื่องลูบไล้ และเนยใส น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นต้น ออกไปพร้อมกับพระศาสดา. เมื่อหมู่ภิกษุแสดงวัตรแล้ว พระศาสดาทรงประทานสุคโตวาทแล้วเสด็จเข้าพระคันธกุฎี
ในเวลาเย็นภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันถึงกถาแสดงคุณของพระศาสดาในธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระศาสดาทรงฝึกคนที่ฝึกไม่ได้ พระตถาคตทรงฝึกมหาอำมาตย์ทั้งสองซึ่งวิวาทกันมาช้านาน พระราชาและญาติมิตรเป็นต้น ก็ไม่สามารถจะทำให้สามัคคีกันได้ เพียงวันเดียวเท่านั้น. พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราได้ทําให้ชนทั้งสองเหล่านี้สามัคคีกันมิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเราก็ทำชนเหล่านี้ให้สามัคคีกัน แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 25
ในอดีตกาล ครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี เมื่อเขาประกาศมีมหรสพ ในกรุงพาราณสีได้มีการประชุมใหญ่. พวกมนุษย์เป็นอันมากและเทวดา นาค ครุฑ เป็นต้น ต่างประชุมกันเพื่อชมมหรสพ. ในสถานที่แห่งหนึ่งที่เมืองพาราณสีนั้น พญานาคจำพญาครุฑไม่ได้ จึงพาดมือลงไว้เหนือจะงอยบ่าพญาครุฑ. พญาครุฑนึกในใจว่า ใครเอามือวางบนจะงอยบ่าของเรา เหลียวไปดูรู้ว่าเป็นพญานาค. พญานาคมองดูก็จำได้ว่าเป็นพญาครุฑ จึงหวาดหวั่นต่อ มรณภัย ออกจากพระนครหนีไปทางท่าน้ำ. พญาครุฑก็ติดตามไปด้วยคิดว่า จักจับพญานาคนั้นให้ได้.
ในสมัยนั้น พระโพธิสัตว์เป็นดาบสอาศัยอยู่ ณ บรรณศาลา ใกล้ฝั่งแม่น้ำนั้น เพื่อระงับความกระวนกระวายในตอนกลางวัน จึงนุ่งผ้าอุทกสาฎก (ผ้าอาบน้ำ) วางผ้าเปลือกไม้ไว้ที่นอกฝั่งแล้วลงอาบน้ำ. พญานาคคิดว่า เราจักได้ชีวิตเพราะอาศัยบรรพชิตนี้ จึงแปลงเพศเดิม เนรมิตเพศเป็นก้อนมณีเข้าไปอาศัยอยู่ในผ้าเปลือกไม้. พญาครุฑติดตามไปเห็นพญานาคนั้นเข้าไปอาศัยอยู่ในผ้าเปลือกไม้นั้น ก็ไม่จับต้องผ้าเปลือกไม้เพราะความเคารพ จึงปราศรัยกะพระโพธิสัตว์ว่า ท่านขอรับข้าพเจ้าหิว ท่านจงเอาผ้าเปลือกไม้ของท่านไป ข้าพเจ้าจักกินพญานาคนี้ เพื่อประกาศความนี้ จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 26
พญานาคผู้ประเสริฐกว่างูทั้งหลาย ต้องการจะพ้นไปจากสำนักของข้าพเจ้า จึงแปลงเพศเป็นก้อนแก้วมณี เข้าไปอยู่ในผ้าเปลือกไม้นี้ ข้าพเจ้าเคารพยำเกรงเพศของพระคุณเจ้า ซึ่งเป็นเพศประเสริฐนัก แม้จะหิวก็ไม่อาจจะจับพญานาคซึ่งเข้าไปอยู่ในผ้าเปลือกไม้นั้นออกมากินได้.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อิธูรคานํ ปวโร ปวิฏฺโ ความว่า พญานาคผู้ประเสริฐกว่างูทั้งหลาย เข้าไปอาศัยอยู่ในผ้าเปลือกไม้นี้. บทว่า เสลสฺส วณฺเณน ความว่า พญานาคแปลงเพศเป็นก้อนแก้วมณี เข้าไปอาศัยอยู่ในผ้าเปลือกไม้. บทว่า ปโมกฺขมิจฺฉํ ความว่า พญานาคต้องการจะพ้นจากสำนักของข้าพเจ้า. บทว่า พฺรหฺมญฺจ วณฺณํ อปจายมาโน ความว่า ข้าพเจ้าบูชาเคารพต่อท่านผู้มีเพศดังพรหม คือมีเพศประเสริฐ. บทว่า พุภุกฺขิโต โน อิสฺหามิ โภตฺตุํ ความว่า ข้าพเจ้าแม้จะหิวก็ไม่อาจจะกินพญานาคนั้นซึ่งเข้าไปอาศัยอยู่ในเปลือกไม้นั้นได้.
พระโพธิสัตว์ ทั้งๆ ที่ยืนอยู่ในน้ำได้สรรเสริญพญาครุฑ แล้วกล่าวคาถาที่สองว่า :-
ท่านเคารพยำเกรงผู้มีเพศอันประเสริฐ แม้จะหิวก็ไม่อาจจะจับนาค ซึ่งเข้าไปอยู่ในผ้าเปลือกไม้นั้นออกมากินได้ ขอท่านจงเป็นผู้อัน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 27
พรหมคุ้มครองแล้ว ดำรงชีวิตอยู่สิ้นกาลนานเถิด อนึ่ง ขอภักษาหารอันเป็นทิพย์จงปรากฏแก่ท่านเถิด.
ในบทเหล่านั้น บทว่า โส พฺรหฺมคุตฺโต ความว่า ท่านนั้นเป็นผู้อันพรหมคุ้มครองรักษาแล้ว. บทว่า ทิพฺยา จ เต ปาตุภวนฺตุ ภกฺขา ความว่า ขอภักษาหารอันควรแก่การบริโภคของทวยเทพจงปรากฏแก่ท่านเถิด. ท่านอย่าได้ทำปาณาติบาตกินเนื้อนาคเลย.
พระโพธิสัตว์ ทั้งๆ ที่ยืนอยู่ในน้ำ กระทำอนุโมทนา แล้วขึ้นนุ่งผ้าเปลือกไม้ พาสัตว์ทั้งสองไปอาศรม บทแสดงถึงคุณของการเจริญเมตตา แล้วได้กระทำให้สัตว์ทั้งสองนั้นสามัคคีกัน. ตั้งแต่นั้นมา สัตว์ทั้งสองนั้นก็มีความสมัครสมานเบิกบานกัน อยู่ร่วมกันด้วยความสุข.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วประชุมชาดก. พญานาคและพญาครุฑในครั้งนั้นได้เป็นอำมาตย์ผู้ใหญ่ทั้งสองในบัดนี้. ส่วนดาบสได้เป็นเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาอุรคชาดกที่ ๔