ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ณพ ถ้าเราให้แล้ว แต่เราลืมหมด อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงจำไว้หมด
ท่านอาจารย์ สัญญานี้ต้องมีค่ะ เพียงแต่ วิตกจะตรึกถึงเรื่องนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่จำไว้วิตกเจตสิก ก็ ตรึกนึกถึงเรื่องนั้นไม่ได้ แต่เพราะว่าสัญญาเป็นสภาพจำ จำทุกอย่าง แต่ที่เกิดดับมากมายเหลือเกิน ที่จะนึกถึงเรื่องไหน เพราะวิตกเจตสิก หรือ สติเจตสิก ถ้าเป็นกุศลนะคะ คือสติเจตสิกจะนึกออกทันทีว่า เราเคยตั้งใจไว้ว่าจะถวายทาน แต่บางคนก็ลืมไปเลย แม้แต่ เวรัญชพราหมณ์ ก็ยังลืมถึง 3 เดือน นิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับจำพรรษาที่เมืองของเขาแล้วไม่ได้ถวายอาหารเลย จนกระทั่งพระภิกษุต้องไปเอาข้าวแกงของม้า มาตำมาโขลกถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เสวย แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนกระทั่งพระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จไป หลังจากที่ประทับที่นั่นแล้วตลอด 3 เดือน เวรัญชพราหมณ์ ถึงนึกได้
เพราะฉะนั้น กุศลของบางคน เขาอาจจะคิดตั้งใจ แต่ความลืมก็มีได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่นึกได้หมายความถึง นึกถึงกุศล ที่ว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ
กาญจนา อะไรไม่ทราบ
ท่านอาจราย์ นี่ค่ะบาปบุญมาอีกแล้ว
สุรีย์ เป็นวิบากกรรมของพระพุทธองค์ แต่เวรัญชพราหมณ์นี่จะเป็นอย่างไร
ท่านอาจารย์ ก็เป็นเรื่องของ เวรัญชพรามณ์ไป ทุกคนก็ลืมกันทั้งนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ก็แล้วไป คืออย่าไปผูกพันไว้มากกับจิตแต่ละขณะ ไม่ได้สนใจจะติดตาม เวรัญชพรามณ์
ส. อย่างสมมติว่า เราไปทำอะไรมา และได้อะไรซึ่งดีผิดกว่าเขาหน่อย ที่เรานำมาเล่าเพื่อแสดงให้เห็นว่า การทำกุศลแล้วจะได้รับผลอย่างนี้ เจตนาจริงๆ ไม่ได้คิดจะมานะ
ท่านอาจารย์ อย่าลืมนะคะว่าสภาพธรรมทั้งหลาย เกิดแล้วก็ดับเร็วมาก ผู้ที่รู้คือตัวเอง จึงเป็นปัจจตัง คนอื่นไม่รู้ได้จริงๆ จะไปถามใครเขาก็ไม่รู้ และตัวเองเมื่อสภาพธรรมนั้นดับไปแล้ว จะตามมารู้คืนก็ไม่ได้ นี่คือสภาพที่เป็นปัจจตัง เพราฉะนั้นต้องเป็นผู้ละเอียด ที่สติระลึกละเอียด เพราะว่าถ้ามานะแฝงสักนิดแล้วดับไป เราอาจจะไม่รู้สึก แต่ว่าการที่จะดับกิเลสได้ พระอนาคามีที่จะเป็นพระอรหันต์ได้เพราะท่านดับมานะ เพราะฉะนั้นความละเอียดของท่านที่จะต้องรู้ว่า สภาพที่เป็นมานะ เกิดแซกแซงขณะไหน อย่างไร ถ้าไม่รู้ก็ดับไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่เป็นปุถุชน แล้วยังไม่ละเอียด ก็จะต้องเพิ่มความละเอียดขึ้น ทั่วขึ้น โดยการที่จะละความเห็นผิดเท่านั้น แต่ยังละมานะไม่ได้ แต่รู้ตามความเป็นจริงว่ามานะก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องมี หิริ คือความรังเกียจเสียก่อน ถึงจะละมานะได้ แต่ถ้ายังไม่รังเกียจ มานะดี ต้องมี มานะ ชอบที่มีมานะ ก็ไม่มีวันละมานะ
ส ก็เจตนาของเราที่พูดไป
ท่านอาจารย์ ขณะหนึ่ง ซึ่งสติจะต้องระลึกว่า มีมานะแซกหรือไม่ ถ้าเป็นผู้ตรงและสติระลึกก็จึงจะรู้ได้ แต่ถ้าสติไม่ระลึกก็รู้ไม่ได้ ก๊รู้แต่เจตนาที่เป็นกุศล และเป็นเรื่องปัจจตังด้วย
สุรีย์ การลืมมี โมหะ เกิดขึ้น
ท่านอาจารย์ เป็นโมหะค่ะที่ลืมคือขณะใดที่อารมณ์ไม่ปรากฏให้เรารู้ ขณะนั้นเป็น โมหะอย่างคุณสัจจา แต่ก็ชัด คือไม่ได้หลับแต่ไม่รู้ ขณะนั้นก็ต้องเป็น โมหะ เพราะว่าถ้าเป็นกุศล จะต้องศึกษาลักษณะของสี่งที่ปรากฏ แล้วรู้ เพราะฉะนั้น การเจริญปัญญาไม่ใช่ให้เฉยๆ ไปค่ะ ถ้าเฉยๆ ไป ปัญญาไม่มีทางเกิดได้เลย
สุรีย์ ขณะที่จิตไม่ดีเกิดขึ้น แล้วเราระลึกรู้ในสภาพที่เป็นอกุศลวิบากทางตา ก็ทำให้เราเฉยๆ ไม่หวั่นไหวว่ายอมรับในสภาพของอกุศลวิบากอันนั้น จะถือว่าเป็นการละคลาย
ท่านอาจารย์ ถือว่าเป็นการบรรเทา เพราะโดยมากถ้าละคลายจริงๆ เราใช้พยัญชนะนี้หละหลวม ถ้าละคลายจริงๆ ต้องเป็นเรื่อง สติปัฏฐาน เท่านั้นที่จะคลาย เพราะว่ามีคำอื่นอีกเช่นคำว่า บรรเทา ระงับ พวกนี้นะคะ แต่จะใช้ก็ได้ ไม่ผิค ถ้าเราเข้าใจความหมายคือ กุศลเกิด ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ อกุศลเกิด สะสม ซับซ้อน ท่วมทับ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นต้องมีกุศลหลายๆ ขั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอ เป็นอย่างยิ่ง ครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณผเดิมและคุณคำปั่นมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"กุศลเกิด ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ อกุศลเกิด สะสม ซับซ้อน ท่วมทับ ใช่ไหม คะ เพราะฉะนั้นต้องมีกุศลหลายๆ ขั้น"
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอ เป็นอย่างยิ่ง ครับ
เตือนใจดีมากๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ถ้าละคลายจริงๆ ต้องเป็นเรื่อง สติปัฏฐาน เท่านั้นที่จะคลาย กุศลเกิด ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ อกุศลเกิด สะสม ซับซ้อน ท่วมทับ ใช่ไหม คะ เพราะฉะนั้นต้องมีกุศลหลายๆ ขั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขออนุโมทนาครับ