ถ. การปฏิบัติเป็นปรกติ กับ การปฏิบัติที่ผิดปรกติ ต่างกันอย่างไร
สุ. ขณะนี้กำลังนั่งตามปรกติ ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เช่น สภาพธรรมที่อ่อนแข็งซึ่งปรากฏที่กาย หรือสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา.......นั่นเป็นปรกติ
แต่ถ้าเข้าใจว่าเมื่อเจริญสติปัฏฐาน จะต้องนั่งขัดสมาธิ จดจ้องตรงนั้นตรงนี้.....นั่นไม่เป็นปรกติ เพราะเป็นความต้องการที่จะเลือกรู้สภาพธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น ข้ามการระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เช่น สภาพธรรมที่กำลังเห็น สภาพธรรมที่กำลังได้ยิน สภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางตา เสียงกลิ่น รส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ฯลฯ ที่กำลังปรากฏ แม้ความเข้าใจผิดเพียงนิดเดียว กิเลส ตัณหา ก็ปิดบังไม่ให้ปัญญาเกิดขึ้นรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปรกติ ตามความเป็นจริงในขณะนั้น
ผู้ที่จะอบรมเจริญสติปัฏฐานได้นั้น จะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ขณะที่หลงลืมสติ กับ ขณะที่มีสติ นั้นต่างกันอย่างไร ถ้าไม่รู้ก็เจริญสติปัฏฐานไม่ได้ เคยหลงลืมสติอย่างไร ก็ยังหลงลืมสติต่อไปอย่างนั้น หรือมิฉะนั้นก็ต้องการเลือกจดจ้องอารมณ์ที่จะให้สมาธิเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐานอยู่นั่นเอง
ฉะนั้น จึงต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ขณะที่หลงลืมสติ คือ ขณะที่ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปรกติในชีวิตประจำวันนั่นเอง ไม่ระลึกรู้สภาพที่เห็น สภาพได้ยิน เป็นต้น
ส่วน ขณะที่มีสติ นั้นเป็นขณะที่ระลึกได้ จึงพิจารณาศึกษารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปรกติทางหนึ่งทางใด คือ ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ โดยไม่บังคับ เจาะจง อย่าเลือกจดจ้อง หรือต้องการอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ เพราะถ้าเป็นโดยลักษณะนี้แล้วก็จะไม่ประจักษ์ว่าสติเป็นอนัตตา
ฉะนั้น ขณะที่มีสติ ก็คือ ขณะที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ เช่น ขณะที่กลิ่นปรากฏ ก็ระลึกรู้สภาพของกลิ่นที่ปรากฏทางจมูก พิจารณารู้ว่ากลิ่นเป็นเพียงสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นปรากฏแล้วก็หมดไป หรือระลึกรู้สภาพที่กำลังรู้กลิ่นขณะนั้นว่าเป็นเพียงสภาพรู้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้น รู้กลิ่นแล้วก็หมดไปไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเป็นต้น
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
กราบท่านอจ.และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ