กิเลส กรรม วิบาก
โดย pirmsombat  17 พ.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 18369

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ เรื่องกรรมเป็นเรื่องละเอียดค่ะ กรรมคือเจตนา กิเลส กรรม วิบาก กุศลและอกุศลก็เป็นกิเลสไงล่ะ เพราะทำให้วนเวียนอยู่ในวัฏฏะ ถ้าไม่มีกิเลส ก็ไม่มีกุศล ต้องเป็นกิริยา ทีนี้เป็นประโยชน์ที่เราจะระลึก ในชีวิตประจำวันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลของกรรมของเรา วิบากทั้งนั้น แม้ในขณะที่กำลังเห็น กำลังได้ยิน เพราะมันเลือกไม่ได้ และแต่ละคนก็มีเหตุที่จะทำให้เห็น ให้สัมผัสเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้น พอลืมตาขึ้นมา ก็ได้รับผลกรรมตลอดเวลาเลย ไม่ว่างสักขณะเลย เรียกว่ากุศลจิต อกุศลจิต สลับกับวิบาก เพราะว่าแม้นอนหลับสนิทก็เป็นผลของกรรม ตื่นก็เป็นผลของกรรม เห็น ได้ยิน พวกนี้ เป็นผลของกรรมหมด หลีกเลี่ยงการเป็นผลของกรรมไม่ได้เลย แต่เมื่อผลของกรรมเกิดแล้ว คือ วิบากจิตเกิด แล้วกุศล อกุศล เกิดสลับ มันจึงไม่สิ้นสุดวัฏฏะ

เพราะหลังจากวิบากก็เป็นกิเลส เป็นกรรม แล้วก็เป็นวิบากอีก หลังวิบากก็เป็นกิเลส เป็นกรรม กิเลส กรรม วิบาก หรือ วิบาก กิเลส กรรม หรือ กรรม วิบาก กิเลส ได้หมด



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 18 พ.ค. 2554

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 18 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กิเลส เป็นนามธรรม เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต กิเลสมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับที่ละเอียด (อนุสัยกิเลส) ระดับที่เกิดขึ้นกลุ้มรุมจิตโดยรอบทั้งทางตา ทางหู ทางจมูกทางลิ้น ทางกาย และทางใจ (ปริยุฏฐานกิเลส) และระดับที่มีกำลังถึงขั้นล่วงเป็นทุจริตกรรม (วีติกกมกิเลส) ที่จะเป็นเหตุทำให้ได้รับผลที่ไม่ดีในอนาคตข้างหน้า ที่ยังมีปริยุฏฐานกิเลสกับวีติกกมกิเลส ก็เพราะยังมีพืชเชื้อของกิเลส ซึ่งเป็นกิเลสอย่างละเอียดนั่นเอง แต่เมื่อกล่าวอย่างกว้างๆ เพราะยังมีอวิชชา จึงมีการกระทำที่เป็นบุญบ้าง เป็นบาปบ้าง ที่จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดีและไม่ดี ตามสมควรแก่เหตุ และยังเป็นเหตุให้กระทำกรรมต่อไป ซึ่งจะเป็นเหตุให้ได้รับผลต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ กิเลสเป็นสิ่งที่ละยาก และจะต้องมีปัญญา จึงละกิเลสได้ ถ้าปัญญาไม่เกิดก็ไม่มีทางดับกิเลส การที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ด้วยพระปัญญา ซึ่งได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาจนถึงพร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น บุคคลที่สนใจในการศึกษาพระธรรม ในการฟังพระธรรม ก็ย่อมเป็นผู้เห็นประโยชน์ของปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้นที่จะดับกิเลสได้ แม้ว่ากิเลสของแต่ละคนจะมีมากมายในแสนโกฏิกัปป์ นับไม่ถ้วน รวมทั้งตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดมาในชาตินี้ก็มีกิเลสมากมาย แต่ก็ไม่ควรท้อถอยเพราะเมื่อได้ฟังธรรม ศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ความรู้ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ซึ่งต้องสะสมต่อไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียว จนกว่าจะถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมของปัญญาที่จะสามารถถึงรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นในที่สุด พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอเป็นอย่างยิ่ง ครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย pirmsombat  วันที่ 18 พ.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา คุณคำปั่น และคุณผเดิม และทุกท่าน ครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chaiyakit  วันที่ 19 พ.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 5    โดย พรรณี  วันที่ 25 พ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 1 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย Sea  วันที่ 14 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย มังกรทอง  วันที่ 17 ก.ย. 2565

ศรัทธาในการทำความดี ทำดีย่อมได้ความดี คนที่ได้คนแรก ย่อมเป็นจิตและเจตสิกท่านนั่นเอง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ