อะไรที่ทำให้เป็นผู้ตรง? ถ้ากุศลจิตไม่เกิด จะตรงไม่ได้ ขณะที่อกุศลจิตเกิด ขณะนั้นคดงอ ไม่ตรงทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ทุกๆ ขณะในชีวิตประจำวันจะเห็นได้ว่า เห็น แล้วกุศลจิตเกิดต่อ หรือว่าอกุศลจิตเกิดต่อ จะเห็นถึงความไม่ตรง ความคดงอ ซึ่งมีอยู่มากมาย แต่ขณะใดก็ตามที่กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไปในการให้ การวิรัติงดเว้นทุจริต การอบรมเจริญความสงบของจิต และการอบรมเจริญวิปัสสนา ก็ตรงด้วยธรรมฝ่ายดีต่างๆ ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะอุปการะเกื้อกูลให้เป็นผู้ตรงยิ่งขึ้น และควรที่จะพิจารณาว่า ได้ฟังพระธรรมจากบุคคลผู้ตรงที่สุดคือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ควรที่จะเป็นผู้ตรงด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเป็นผู้ตรงต่อพระธรรมจริงๆ หรือเปล่า ต้องตรงจริงๆ ด้วยการฟัง และน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วยความจริงใจ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...
เรื่อง ความเป็นผู้ตรงคืออย่างไร
[เล่มที่ 39] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 340
ข้อความบางตอนจาก เมตตสูตร
ชื่อว่า ตรง (อุชุ) เพราะทำด้วยความไม่อวดดี ชื่อว่า ตรงดี (สุหุชู) เพราะไม่มีมายา. หรือว่า ชื่อว่า ตรง เพราะละความคดทางกายและวาจา ชื่อว่า ตรงดี เพราะละความคดทางใจ. หรือชื่อว่า ตรง เพราะไม่อวดคุณที่ไม่มีจริง ชื่อว่า ตรงดี เพราะไม่อดกลั้นต่อลาภที่เกิดเพราะ คุณที่ไม่มีจริง. พึงชื่อว่าเป็นผู้ตรงและตรงดี ด้วยอารัมมณูปนิชฌาน (สมถภาวนา) และลักขณูปนิชฌาน (วิปัสสนาภาวนา)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อว่าโดยสัจจะ ความจริง คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ของ จิต เจตสิก
ดังนั้น ความตรง และ ความไม่ตรงที่คด ก็ไม่พ้นจาก จิต เจตสิก ที่เป็นนามธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ดังนั้น ขณะใดที่ไม่ตรง คือ คด ขณะนั้น เป็นอกุศลจิต อกุศลจิตเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจาและใจ ขณะนั้น ชื่อว่าคดแล้ว ดังเช่น คันธนูที่โก่งคด ไม่ตรง อกุศลที่เกิดขึ้นก็คด ไม่ตรงตามความเป็นจริงเช่นกัน ครับ
แต่ขณะใดที่เป็นกุศล ขณะนั้น ชื่อว่า ตรง ไม่คดด้วยอกุศลที่เกิดขึ้น การเจริญอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส จึงจะต้องเป็นผู้ที่ตรง ตรงต่อสภาพธรรม ว่า อกุศล เป็นอกุศล กุศล เป็นกุศล เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา และ ขณะใดที่รู้ความจริงของสภาพธรรม ขณะนั้น กำลังดำเนินหนทางที่ตรง คือ สติปัฏฐาน ๔ ที่จะถึงการบรรลุ มรรค ผลนิพพาน ครับ
ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ยังมีกิเลส ยังมีอกุศล ยังเป็นผู้ไม่ตรงทางกาย วาจาและใจ เป็นปกติ แต่หนทางการอบรบให้เป็นผู้ที่ตรงยิ่งขึ้น คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ขณะที่เข้าใจก็ค่อยๆ ตรงทีละน้อย เหมือนค่อยๆ ดัดไม้ที่โก่งงอ แต่ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะเป็นผู้ตรงที่สุด คือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ ครับ
ความเข้าใจพระธรรมที่เกิดขึ้น จะเป็นเครื่องดัดศรให้ตรง ดัดอุปนิสัย ที่เต็มไปด้วยกิเลส ให้ตรงด้วยปัญญา ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่
ชื่อว่าเป็นผู้ที่ตรงต่อธรรม
ความเป็นผู้ซื่อตรง และ อ่อนโยน
ตรง
ผู้ตรง ... ไม่ลืมพิจารณาตนเอง
ขออนุโมทนาพี่เมตตาที่นำธรรมดีๆ มาเตือนใจ และ ขออนุโมทนาทุกๆ ท่าน ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา, พี่จรรยา, อาจารย์ผเดิม, อาจารย์คำปั่น
และทุกท่านด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตรง เป็นการ ไม่คด ไม่งอ,
ตรง จึงหมายถึง ตรงตามหลักพระธรรมคำสอน เป็นผู้ที่มีสัจจะ มีความจริงใจที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลสและเจริญกุศลประการต่างๆ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อละกิเลส
ดังนั้น ในการศึกษาฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ความเป็นผู้ตรง จึงควรที่จะมีเป็นอย่างยิ่ง คือ ศึกษาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อละคลายความไม่รู้ พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ไม่ใช่ศึกษาเพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อลาภ สักการะ สรรเสริญ หรือแม้เพียงเพื่อหวังคำยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่น
สำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็เช่นเดียวกัน เราไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว ยังมีครอบครัว มีญาติสนิทมิตรสหายเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ถ้าเรามีความตรง มีความจริงใจที่ดีต่อกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ย่อมจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะเป็นเหตุให้ประพฤติแต่สิ่งที่ดีงามแก่กันและกัน ไม่เบียดเบียนประทุษร้ายกันทั้งด้วยการกระทำและคำพูด ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ