ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สนทนาธรรมที่เขาเต่า ๑ - ๔ สิงหาคม ๒๕๓๗
ท่านผู้ฟัง คิดว่าประจักษ์แล้วแต่ความจริง ยังไม่ประจักษ์เลย
ท่านอาจารย์ การประจักษ์ อีกแสนไกลค่ะเพียงแต่มี "ความรู้-ความเข้าใจถูก" ว่าเดี๋ยวนี้ กำลังมี "สิ่งที่ปรากฏ" (ทางตาทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทางใดทางหนึ่ง)
ท่านผู้ฟัง เข้าใจว่า ขณะที่ "เห็น" ... "กระเป๋าสีเขียว" ทำให้ ไม่รู้จัก "สิ่งที่ปรากฏทางตา" เพราะว่า นอกจากจะ "เห็น" เป็น "สี" แล้ว ยัง "เห็น" เป็น รูปร่าง สัณฐาน อีกด้วย
ท่านอาจารย์ ขณะที่ "เห็น" ... "สิ่งที่ปรากฏทางตา" ไม่ใช่ขณะที่ "คิดนึก" เป็น รูปร่าง สัณฐาน และขณะที่ "คิดนึก" เป็น รูปร่าง สัณฐาน ต่างๆ ก็ไม่ใช่ ขณะที่ "สี" กำลังปรากฏทางตา แต่ เพราะ มี "สี" ที่ปรากฏแล้วจึง "คิดนึก" (ต่อ) เป็น รูปร่าง สัณฐาน.หมายความว่า เมื่อ "สี" ปรากฏทางตาแล้ว เราก็ "นึกถึง" รูปร่าง สัณฐาน (เป็นคนละขณะกัน)
ประโยชน์ของการฟัง คือ ความเข้าใจเข้าใจ "ลักษณะ" ของ "สิ่งที่กำลังปรากฏ" เพื่อรู้ และ เข้าใจ ให้ถูกต้อง ตามปกติ ตามความเป็นจริง เวลาที่จะเข้าใจ ไม่ใช่ ไปนั่งคิด แต่ ให้รู้ "ลักษณะ" ของ "สิ่งที่กำลังปรากฏ" ขณะนี้
นี่ คือ "ปัญญา" ที่จะรู้ว่า "โลกทางตา" คือ อย่างนี้ "ปัญญา" ต้องรู้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เท่านั้น และ ต้องเป็นสภาพธรรมที่ "กำลังปรากฏ" ด้วย
ตราบใด ที่ยังมี "ตา" (จักขุปสาทรูป) สิ่งที่ปรากฏทางตา (รูปารมณ์) ก็ยังมีปรากฏให้ "เห็น" (จักขุวิญญาณ) นี่คือ (เฉพาะ) "โลกทางตา" ขณะนี้ มี "สิ่งที่ปรากฏ" แต่ละทางๆ แต่ละโลกๆ ให้รู้ ในขณะนี้ว่า สิ่งที่ปรากฏนั้น เป็น "แต่ละโลก" เช่น "โลกทางตา" ต้องไม่เหมือนกับ "โลกทางหู" ที่เราแจกแจง "โลก" ออกเป็น ๖ ทาง (๖ ทวาร) เพื่อจะได้รู้ว่า โลกแท้ๆ แต่ละโลก นั้นมี "ลักษณะ" อย่างไร
ขออนุโมทนา ท่าน ... ผู้เอื้อเฟื้อรูปภาพ ค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
สติระลึกสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ต้องรู้ว่าทางตาก็อย่างหนึ่ง เพราะต้องมีตา ทางหูก็อย่างหนึ่ง เพราะหู จมูกก็อย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับทางลิ้น กาย ใจ เวทนาก็อย่างหนึ่ง สัญญาก็อย่างหนึ่ง ความคิดก็อย่างหนึ่ง เมื่อมีสภาพธรรมที่ปรากฏก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง ปัญญาจะได้ศึกษาว่าเป็นเพียงสภาพธรรมไม่ใช่เรา บ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าธรรมจะปรากฏ ครับ
ขออนุโมทนาครับ