[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 139
๔. ทุพภิยมักกฏชาดก
ว่าด้วยการคบคนชั่ว
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 139
๔. ทุพภิยมักกฏชาดก
ว่าด้วยการคบคนชั่ว
[๑๙๗] เราได้ให้น้ำเป็นอันมากแก่เจ้า ผู้ถูกความร้อนแผดเผา หิวกระหายอยู่ บัดนี้เจ้าได้ดื่มน้ำแล้ว ยังหลอกล้อเปล่งเสียงว่ากิกิอยู่ได้ การคบหากับคนชั่วไม่ประเสริฐเลย.
[๑๙๘] ท่านได้ยินหรือได้เห็นมาบ้างหรือว่า ลิงตัวไหนชื่อว่า เป็นสัตว์มีศีล เราจะถ่ายอุจจาระรดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แล้วจึงจะไป นี่เป็นธรรมดาของพวกเรา.
จบ ทุพภิยมักกฏชาดกที่ ๔
อรรถกถาทุพภิยมักกฏชาดกที่ ๔
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อทมฺมิ เต วาริ พหุตฺตรูปํ ดังนี้.
ความพิสดารมีอยู่ว่า วันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมถึงความอกตัญญู ความประทุษร้ายมิตรของพระเทวทัต. พระศาสดารับสั่งว่า เทวทัตเป็นผู้อกัตญญูประทุษร้าย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 140
มิตร มิใช่ในบัดนี้เท่านั้นแม้เมื่อก่อนก็ได้เป็นเช่นนี้ แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ชาวบ้านกาสีแห่งหนึ่ง ครั้นเจริญวัย ดำรงตนเป็นฆราวาส. ก็สมัยนั้นได้มีบ่อน้ำลึกบ่อหนึ่งอยู่ที่ทางใหญ่ชัน ในแคว้นกาสี สัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายข้ามไม่ได้. พวกมนุษย์ผู้ปรารถนาบุญเดินมาทางนั้น ใช้กระบอกมีสายยาวตักน้ำใส่ขังเต็มรางแห่งหนึ่ง ให้สัตว์เดียรัจฉานดื่ม รอบบ่อนั้นเป็นป่าใหญ่. ลิงเป็นอันมากอาศัยอยู่ในป่านั้น. ต่อมาที่ทางนั้น ขาดผู้คนสัญจรไปมาสองสามวัน. สัตว์เดียรัจฉานจึงไม่ได้ดื่มน้ำ. ลิงตัวหนึ่งกระหายน้ำเต็มที่ เที่ยวหาน้ำดื่มในที่ใกล้บ่อน้ำ. พระโพธิสัตว์เดินไปถึงทางนั้นด้วยกิจธุระอย่างหนึ่ง จึงตักน้ำในบ่อนั้นดื่มล้างมือและเท้า เห็นลิงตัวนั้น ทราบว่ามันกระหายน้ำ จึงตักน้ำใส่รางให้มันดื่ม ครั้นให้เสร็จแล้ว คิดจะพักผ่อนจึงนอนลงที่โคนไม้ต้นหนึ่ง. ส่วนลิงครั้นดื่มน้ำแล้วนั่งอยู่ไม่ไกล ทําหน้าล่อกแล่กหลอกพระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์เห็นกิริยาของมัน จึงกล่าวว่า อ้ายวายร้ายลิงอัปรีย์ เมื่อเองกระหายน้ำเหน็ดเหนื่อยมา ข้าก็ให้น้ำเองดื่ม บัดนี้เองทำหน้าล่อกแล่กหลอกข้าได้ น่าอนาถใจที่ข้าช่วยเหลือสัตว์ชั่วๆ ไม่มีประโยชน์เลย แล้วกล่าวคาถาแรกว่า :-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 141
ข้าได้ให้น้ำเป็นอันมากแก่เองผู้ถูกความร้อนแผดเผาหิวกระหาย บัดนี้เจ้าได้ดื่มน้ำแล้ว ยังหลอกล้อทำเสียงครอกๆ อยู่ได้ การคบหากับคนชั่วไม่ประเสริฐเลย.
ในบทเหล่านั้น บทว่า โสทานิ ปิตฺวาน กิกึ กโรสิ ความว่า บัดนี้เจ้าดื่มน้ำที่ข้าให้แล้วยังทำหน้าล่อกแล่กส่งเสียงครอกๆ อยู่ได้. บทว่า น สงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโย ความว่า การคบหากับคนชั่วไม่ดีเลย ไม่คบนั่นแหละดีกว่า.
ลิงผู้ประทุษร้ายมิตร ครั้นได้ยินดังนั้นแล้วจึงกล่าวว่า ท่านอย่าสำคัญว่า เราทำเพียงเท่านี้แล้วจะเสร็จสิ้น บัดนี้เราจะถ่ายคูถรดศีรษะท่านก่อนแล้วจึงไป แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ท่านได้ยินหรือได้เห็นมาบ้างหรือว่า ลิงตัวไหนชื่อว่าเป็นสัตว์มีศีล เราจะถ่ายอุจจาระรดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แล้วจึงจะไป นี้เป็นธรรมดาของพวกเรา.
ความย่อในคาถานั้นมีดังนี้ ท่านพราหมณ์ ท่านได้ยินหรือได้เห็นที่ไหนว่า ลิงรู้คุณคน มีมารยาท มีศีล มีอยู่. เราจะถ่ายคูถรดศีรษะท่านเดี๋ยวนี้แหละแล้วจึงจะไป. นี้เป็นธรรมดา นี้เป็นสภาพโดยกำเนิดของพวกข้าพเจ้า ผู้ชื่อว่าเป็นลิง คือ ถ่ายคูถรดหัวผู้มีอุปการะ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 142
พระโพธิสัตว์ครั้นได้ยินดังนั้น จึงเตรียมจะลุกไป. ขณะนั้นเองลิงกระโดดจับกิ่งไม้ทําคล้ายจะห้อยโหน ถ่ายคูถรดศีรษะพระโพธิสัตว์แล้วร้องเข้าป่าไป. พระโพธิสัตว์อาบน้ำชำระกายแล้วจึงกลับไป.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตไม่รู้จักคุณมิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ไม่รู้จักคุณที่เราทำไว้เหมือนกัน แล้วทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประชุมชาดก. ลิงในครั้ง นั้นได้เป็นเทวทัตในครั้งนี้ ส่วนพราหมณ์ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาทุพภิยมักกฏชาดกที่ ๔