ช่วงนี้มีข้อถกเถียงกันมากของฆราวาส ว่าภิกษุไม่ควรรับเงิน ควรมีความคิดเห็นอย่างไรดี
ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตราบใดสัตว์โลก ลืมคำว่า มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ลืมคำว่า ธรรมเป็นที่พึ่ง ใช้ความคิดของตัวเองเป็นตัวตัดสินในเรื่องต่างๆ ลืมพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้ว และทรงแสดงไว้ดีแล้ว ในพระไตรปิฎก ว่า ภิกษุควรรับเงินทองหรือไม่ เมื่อไม่มี พระธรรมเป็นที่พึ่ง ก็ย่อมไม่มีข้อตกลงด้วยดี เพราะ ตกลงด้วยความคิดของตนเองเป็นหลัก ที่เป็นไปด้วยอำนาจของกิเลส ที่ไม่ใช่พระปัญญาของพระพุทธเจ้า แต่ บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมพิจารณาเหตุผล และ เชื่อพระปัญญาคุณ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ดั่งเช่น พระสารีบุตร ผู้เลิศด้วยปัญญา เชื่อ คำที่พระพุทธเจ้าตรัสด้วยเหตุและผลตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น พุทธบริษัทที่เป็นบัณฑิต จึงควรมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง เป็นสิ่งที่ตัดสินในกรณีแม้การรับเงินทองของพระภิกษุ ครับ
เงินเป็นสิ่งที่ไม่สมควรแก่เพศพระภิกษุ โดยประการทั้งปวง เป็นเครื่องเศร้าหมองของบรรพชิตจริงๆ ทำให้เกิดความติดข้อง เป็นห่วงกังวล และไม่ต่างอะไรกับคฤหัสถ์ชีวิตพระภิกษุ เป็นชีิิวิตที่ขัดเกลาเป็นอย่างยิ่ง เงินไม่จำเป็นสำหรับพระภิกษุอันเป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสเป็นอย่างยิ่ง เลย พระภิกษุเป็นผู้บวชเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส ไม่ใช่เพื่อเพิ่มกิเลสให้มากยิ่งขึ้นตามพระวินัย พระภิกษุรับเงินเพื่อตน ต้องอาบัตินิสสัคคีย์ แต่รับเพื่อเพื่อสิ่งอื่น เช่น เพื่อสร้างอุโบสถ พระเจดีย์ เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ คือ เบากว่ารับเพื่อตนเอง สรุปคือ ไม่พ้นอาบัติจากอาบัติไม่ว่าจะรับด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม
ผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ ควรปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงคือ การให้ของที่เหมาะสมกับพระภิกษุ ที่เรียก เป็นสิ่งกัปปิยะ มี บริขาร 8 เป็นต้นซึ่งเป็นเครื่องที่สามารถทำให้พระภิกษุดำรงชีวิตอยู่ไ้ด้ ตามพระวินัย ไม่ควรให้เงินและ ทองในประการทั้งปวง เพราะ จะเป็นโทษกับท่าน เมื่อท่านรับ แต่ ให้ของที่สม ควรก็รักษาท่าน และ ก็เป็นบุญกุศลที่บริสุทธิ์ เพราะ ให้ในสิ่งที่ถูกต้อง ครับ
ดังข้อความที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดังนี้ เชิญคลิกครับ
ทรงติเตียนสมณะรับเงิน [มหาวิภังค์]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เงินทอง ไม่ควรแก่เพศบรรพชิตโดยประการทั้งปวง เพราะท่านสละอาคารบ้านเรือนสละโภคสมบัติ มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง พระภิกษุผู้ที่ไม่ละอาย ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรมวินัย ก็มีการล่วงสิกขาบทต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือ การรับเงินรับทอง ไม่ควรเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องไม่ลืมถึงจุดประสงค์ของการบวชว่า เพื่ออะไร เพื่อรับเงินทอง หรือว่าเพื่อขัดเกลากิเลส?ถ้าคำนึงถึงจุดนี้อยู่เสมอ ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ประมาท ที่จะได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ น้อมประพฤติปฏิบัติตามด้วยความจริงใจ ดังนั้น จึงสำคัญที่การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้วก็จะอุปการะเกื้อกูลไม่ไปกระทำในสิ่งที่ผิด
ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ตาม บรรพชิตที่เข้าใจ ก็สามารถเกื้อกูลคฤหัสถ์ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ด้วย และ สำหรับคฤหัสถ์ที่มีความเข้าใจ ก็จะไม่กระทำการใดๆ ที่ะจเป็นเหตุให้พระภิกษุท่านต้องอาบัติ เช่น เมื่อศึกษาเข้าใจแล้วว่า พระภิกษุรับเงินทอง ไมได้ ก็ไม่ถวายเงินแต่จะถวายสิ่งที่สมควรแก่ท่าน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เท่านั้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ