ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในวาระที่คุณสุจิตต์ อึ้งภากรณ์ (คุณป้าจี๊ด) น้องสาวของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้ที่คอยติดตามดูแลท่านอาจารย์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด มีอายุครบ ๗ รอบ ๘๔ ปีในวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ คุณแก้วตา อเนกพุฒิ ได้ขอโอกาสท่านอาจารย์และคุณป้าจี๊ด จัดให้มีการสนทนาธรรมขึ้น ที่ โรงแรมริเวอร์แคว วิลเลจ จังหวัด กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ ๒-๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา
ข้าพเจ้าใคร่ขอนำภาพบรรยากาศของการสนทนาธรรม และ ข้อความบางตอน ที่ท่านอาจารย์ได้สนทนาไว้ มาฝากทุกๆ ท่าน เพื่อพิจารณาร่วมกัน ดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
วันนี้ ก็มีผู้ที่ตามคุณแม่มาฟังพระธรรม ก็ได้สนทนาด้วย ว่าพระธรรมยากไหม? ก็บอกว่ายาก นั่นถูกแล้ว เพราะเหตุว่า พระผู้มีพระภาคฯตรัสสิ่งที่ยาก ไม่ใช่สิ่งที่ง่าย เพราะฉะนั้น เวลาที่เราคิดว่าเราเข้าใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่ได้ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง การถึง แม้แต่ "ถึง" ยากไหม? เพราะว่า บุคคลในครั้งพุทธกาล ฟังพระธรรมแล้วจึงกล่าว (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ) หมายความว่า ได้เข้าใจธรรมะแล้ว
เมื่อเข้าใจว่า ธรรมะ เป็นสิ่งที่มีจริง ขณะนี้ สามารถที่จะเข้าใจได้ และ พระผู้มีพระภาคฯ ก็ตรัสความจริงเพียงเท่านั้น ซึ่งยังต้องมีความจริงเรื่องนั้นอีกมาก ที่จะทำให้คนนั้น มีความเห็นที่ถูกต้องในสิ่งนั้น จากที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงรู้ว่า บุคคลนี้เป็นที่พึ่งอันแท้จริง ที่จะทำให้สามารถ "เข้าใจ" สิ่งซึ่งแม้มี แต่ก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจเลย เพราะฉะนั้น ผู้ที่มาใหม่ คิดจริงๆ นะคะ เพิ่งได้ฟังเป็นครั้งแรก จะ "ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง" หรือยัง? ไม่ใช่ตามๆ กันไป แต่ต้องรู้ว่า มีความมั่นใจจริงๆ ว่าสิ่งที่ฟัง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีจริงๆ สามารถเข้าใจได้ แล้วก็สามารถที่จะ "ถึง" ความจริงนั้นได้ด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ เพียงฟังครั้งแรก แล้วก็มีความรู้เพียงเท่านี้ แต่เพราะเห็นว่า ยังไม่สามารถรู้อย่างที่บุคคลผู้ทรงแสดง ได้ทรงแสดง จึงถึงพระองค์เป็นที่พึ่ง เพื่อที่จะได้สามารถรู้ความจริง อย่างที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นเริ่มเห็นความห่างไกล ระหว่างปุถุชน หรือ ผู้ที่ยังไม่เคยได้ฟังธรรมะเลย กับ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ต้องไกลกัน แสนไกล...
เพราะฉะนั้น เพียงได้ฟังเล็กๆ น้อยๆ ก็เห็นแล้วว่า จะมีใครเป็นที่พึ่ง แต่ "พึ่งจริงๆ " ก็คือ พึ่งเพื่อให้ตนเอง มีความเห็นที่ถูกต้อง อย่างที่ได้ฟัง ไม่ใช่ว่า ฟังแล้ว ก็ขอให้บอกวิธีทำ อย่างนั้น อย่างนี้ แต่ว่า ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เพราะเหตุว่า "แข็ง" ก็มี พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริง และ ทรงแสดงความจริง ให้บุคคลนั้น "ถึง" ความจริงของ "สิ่งที่กำลังปรากฏ" ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง "เห็น" ขณะนี้ ก็มีจริง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงถึงความจริงของสิ่งที่มี และ ทรงแสดงหนทาง และ ความจริงของสิ่งนี้ จนกระทั่ง ผู้ที่ฟัง สามารถเริ่มที่จะมีความเข้าใจ ในสิ่งนั้น แล้วก็ยังรู้ด้วยว่า ยังไม่ถึงความจริงนั้น แต่รู้ว่า บุคคลนี้ เป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้มีความเข้าใจ และ สามารถที่จะถึงความจริงนั้นได้
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่จะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ก็คือ ผู้ที่ได้รู้แล้วว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงซึ่งตนเองไม่รู้ เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นที่พึ่งแล้ว ก็ฟังพระธรรม ต่อไป เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจถูกต้องว่า ทุกคำ เป็นคำจริง เป็นคำพอประมาณ คือ พอที่คนจะเข้าใจได้ ถ้าขณะนี้ ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจ คำที่ได้ยินบ่อยๆ คือ สติและสัมปชัญญะ จะพูดสักเท่าไหร่ ก็เกินประมาณ
เพราะเหตุว่า คนที่ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ เพียงแต่ได้ยิน แล้วก็จำ คำนี้ แล้วก็ "คิดเอง" บางคนก็ไม่ใช่เพียงแค่ได้ยิน แล้วจำ คำว่า "สติ" ได้ยิน จำ คำนี้ แต่ยังคิดเอาเองด้วยว่า คงจะเป็นอย่างนั้น คงจะเป็นอย่างนี้ หรือ ต้องไปทำอย่างนั้น ต้องไปทำอย่างนี้ บุคคลนั้น "ไม่ถึง" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แน่นอน เพราะเหตุว่า "คิดเอง" แล้วก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจ แม้ "คำ" ที่กล่าว
ด้วยเหตุนี้ หนทางเดียว ที่จะถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่แท้จริง ด้วยความจริงใจ ก็คือ ฟังพระธรรม จนกระทั่ง เมื่อฟัง ก็ยิ่งเห็นว่า เป็นที่พึ่ง แน่นอน เพราะเหตุว่า สามารถที่จะเข้าใจ สิ่งที่ได้ฟังด้วยแต่ว่า ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ละเอียด ไม่รอบคอบ เผินๆ ฟังดู เหมือนใช่ข้อความในพระไตรปิฎก กล่าวอย่างนี้ แต่อรรถ ความสอดคล้องทั้งหมด ของทั้งสามปิฎก กับ ความจริงที่กำลังปรากฏ ถูกต้องหรือเปล่า? ถ้าไม่ถูกต้อง ยังค้านกัน ก็หมายความว่า นั่นยังไม่ใช่ความจริงที่สุด ถ้าเป็นความจริง ต้องเหมือนกันหมด
แม้แต่คำว่า "ศีล" ถ้าไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้ทั่วในธรรมะ ศีลนั้น ไม่บริสุทธิ์ เพราะเหตุว่า "ยังเป็นเรา" นี่หรือถูกต้อง? ในเมื่อความเป็นจริง เป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง ซึ่งมีปัจจัย เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
เพราะฉะนั้น ผู้ฟังที่สะสมความเห็นที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ ว่าใคร? จะเป็นที่พึ่งจริงๆ ต้องเป็นความถูกต้อง ความถูกต้อง คือ ความจริงที่ได้ฟัง แต่ต้องพิจารณาก่อน จนกระทั่งเป็นความเข้าใจของตัวเองเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แล้วก็ถึงพระธรรมที่ได้เข้าใจ เป็นที่พึ่ง เพื่อที่จะอบรมเจริญปัญญา ถึงการรู้ว่า พระอริยสงฆ์ คือ อย่างไร หมดความสงสัย ค่ะ
เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่รู้ ก็ คนโน้นคงใช่ หรือว่า คนนี้คงเป็น หรือ อะไรอย่างนี้ แต่ มีอะไรที่จะแสดงว่า บุคคลนั้น เป็นอริยะ? ผู้เจริญด้วยปัญญา ที่สามารถที่จะดับกิเลส เพราะ ได้รู้ความจริง
เพราะฉะนั้น ธรรมะ ก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผล ตรงต่อเหตุผล แล้วก็ต้อง เป็นผู้ที่เคารพในเหตุผล ในความถูกต้อง และ ในความจริง จึงสามารถที่จะรู้ได้ว่า ได้ถึงที่พึ่งที่แท้จริงหรือเปล่า?
ถ้าไม่รู้จักหนทางมาที่นี่ แล้วคนโน้นก็บอกให้ไปทางซ้าย คนนี้ให้ไปทางขวา แล้วก็ ไปอย่างไรคะ? หลงทางก็มี เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ เมื่อฟังแล้ว ก็ต้องไตร่ตรอง แล้วก็พิจารณา
นี่เป็นเพียงเรื่องหนทาง พระธรรมที่ทรงแสดง ขณะนี้มี และ มีทางที่จะทำให้รู้ความจริงนี้ด้วย แต่ต้องเป็นทางของปัญญา ไม่ใช่ทางอื่น
เพราะฉะนั้น ถ้าฟังแล้ว ไม่เข้าใจ ยังไม่ต้องเชื่อ เชื่อทำไม? ไม่เข้าใจ จนกว่าจะได้เข้าใจความจริง เพราะว่า สิ่งที่มีจริง ต้องจริงถึงที่สุด สามารถที่จะตอบความสงสัย และ ความไม่รู้ได้ ในเมื่อพระผู้มีพระภาคฯ ได้ทรงแสดงความจริงนั้น โดยสิ้นเชิง โดยประการทั้งปวง โดยละเอียดอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่ว่า เพียงแต่ฟังเฉยๆ แต่ต้องรู้ด้วยว่า เพื่ออะไร? บางคนฟังแล้ว รู้ไหม? ว่าฟังทำไม? ฟังเพื่ออะไร? เพียงเข้าใจเท่านั้นหรือ? มีประโยชน์ไหม?
"...หากว่านรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เกื้อกูล แม้มาก (แต่) เป็นผู้ประมาทแล้วไม่ทำ (ตาม) พระพุทธพจน์นั้นไซร้, เขาย่อมไม่เป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล เหมือนคนเลี้ยงโคนับโคทั้งหลายของชนเหล่าอื่น ย่อมเป็นผู้ไม่มีส่วนแห่งปัญจโครสฉะนั้น,
หากว่านรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เกื้อกูล แม้น้อย (แต่) เป็นผู้มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมไซร้, เขาละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว รู้ชอบ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว หมดความยึดถือในโลกนี้หรือในโลกหน้า, เขาย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล."
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 213
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการของคุณสุจิตต์ อึ้งภากรณ์ (คุณป้าจี๊ด)
ขออนุโมทนาในกุศลทุกประการของพี่แก้วตา อเนกพุฒิ
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าฟังแล้ว ไม่เข้าใจ ยังไม่ต้องเชื่อ
เชื่อทำไม? ไม่เข้าใจ
จนกว่าจะได้เข้าใจความจริง เพราะว่า สิ่งที่มีจริง ต้องจริงถึงที่สุด
สามารถที่จะตอบความสงสัย และ ความไม่รู้ได้
ในเมื่อพระผู้มีพระภาคฯ ได้ทรงแสดงความจริงนั้น โดยสิ้นเชิง
โดยประการทั้งปวง โดยละเอียดอย่างยิ่ง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการของคุณสุจิตต์ อึ้งภากรณ์ (คุณป้าจี๊ด)
ขออนุโมทนาในกุศลทุกประการของพี่แก้วตา อเนกพุฒิ
และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณ วันชัย ภู่งาม ด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"...พระธรรมที่ทรงแสดง ขณะนี้มี และ มีทางที่จะทำให้รู้ความจริงนี้ด้วย
แต่ต้องเป็นทางของปัญญา ไม่ใช่ทางอื่น..."
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งาม และทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แม้แต่คำว่า "ศีล"
ถ้าไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้ทั่วในธรรมะ ศีลนั้น ไม่บริสุทธิ์
เพราะเหตุว่า "ยังเป็นเรา"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งาม และทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ