[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 488
๒. ปุริสวิมานวัตถุ
มหารถวรรคที่ ๕
๑๑. ทุติยนาควิมาน
ว่าด้วยทุติยนาควิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 488
๑๑. ทุติยนาควิมาน
ว่าด้วยทุติยนาควิมาน
พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[๖๑] ท่านขี่ช้างใหญ่เผือกปลอดเป็นช้างอุดม แวดล้อมไปด้วยหมู่อัปสร เที่ยวไปตามอุทยานต่างๆ ทำให้สว่างไปทุกทิศเหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนี้ ฯลฯ และ วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 489
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ได้เป็นอุบาสกของพระผู้มีจักษุ เป็นผู้งดเป็นจากปาณาติบาต งดเว้นจากอทินนาทานในโลก ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่กล่าวเท็จ และยินดีด้วยภริยาของตน มีจิตเลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวน้ำ ได้ถวายทานอย่างไพบูลย์โดยเคารพ เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ ฯลฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
จบทุติยนาควิมาน
อรรถกถาทุติยนาควิมาน
ทุติยนาควิมาน มีคาถาว่า มหนฺตํ นาคํ อภิรุยฺหํ เป็นต้น. ทุติยนาควิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น อุบาสกคนหนึ่งในกรุงราชคฤห์ เป็นคนมีศรัทธาเลื่อมใสตั้งอยู่ในศีล ๕ สมาทานอุโบสถศีลในวันอุโบสถ เวลาก่อนอาหาร ถวายทานแด่ภิกษุทั้งหลาย ตามสมควรแก่สมบัติของตน แล้วจึงบริโภคเอง นุ่งห่มผ้าสะอาด เวลาหลังอาหาร โดยมากให้คนถือน้ำอัฐบานไปวิหาร มอบถวายแด่ภิกษุสงฆ์แล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฟังธรรม เขาสั่งสมสุจริตมากทั้งด้านทานและด้านศีล โดยเคารพด้วยอาการอย่างนี้ จุติ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 490
จากภพนี้ เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ช้างทิพย์ใหญ่เผือกปลอด ได้ปรากฏด้วยบุญญานุภาพของเขา เขาขี่ช้างนั้นไปเล่นอุทยานเสมอๆ ด้วยบริวารเป็นอันมาก ด้วยทิพยานุภาพยิ่งใหญ่.
ภายหลังวันหนึ่ง เทพบุตรนั้นถูกความกตัญญูเตือน เวลาเที่ยงคืนขี่ช้างทิพย์นั้นมาจากเทวโลกด้วยบริวารใหญ่ ด้วยหวังว่า จักถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า เปล่งรัศมีสว่างทั่วพระเวฬุวัน ลงจากคอช้าง เข้าไปเฝ้าถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ยืนประคองอัญชลีอยู่ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง ท่านพระวังคีสะยืนอยู่ใกล้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ขออนุญาตพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ถามเทพบุตรนั้นด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ท่านขี่ช้างใหญ่เผือกปลอดเป็นช้างอุดม แวดล้อมไปด้วยหมู่อัปสร เที่ยวไปตามอุทยานต่างๆ ทำให้สว่างไปทุกทิศเหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมี อานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทพบุตรแม้นั้นถูกถามอย่างนั้นแล้ว ได้พยากรณ์แก่ท่านพระวังคีสะนั้นด้วยคาถาหลายคาถาอย่างนี้ เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 491
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระวังคีสะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ได้เป็นอุบาสกของพระผู้มีจักษุ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต งดเว้นจากอทินนาทานในโลก ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่กล่าวเท็จ และยินดีด้วยภริยาของตน มีจิตเลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวน้ำได้ถวายทานอย่างไพบูลย์โดยเคารพ เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.
ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของข้าพเจ้าจึง สว่างไสวไปทุกทิศ.
ในเรื่องนั้น ไม่มีเรื่องที่ไม่เคยมี คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล.
จบอรรถกถาทุติยนาควิมาน