รบกวนโปรดชี้แนะพอดีไปฟังธรรมะจากพระไตรปิฏก บรรยายโดย อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มาว่า (สรุป
ใจความตามความเข้าใจได้ว่า) สมัยหลัง พ.ศ.2000 โลกไม่ว่างจากพระอริยะแต่จะว่าง
จากพระอรหันต์ แล้วเรื่องพระอรหันต์ในบ้าน (พ่อแม่) ล่ะคะ ในพระไตรปิฏก บรรยายไว้
ว่าอย่างไร? เป็นแค่ข้อสงสัยค่ะ อย่างไรก็ดูแลท่านไม่แพ้การเกื้อกูลพระอรหันต์ค่ะ
อีกอย่าง การเอาทานมาเป็นอารมณ์พิจารณา ทำอย่างไรคะ? โปรดชี้แนะได้ไหมคะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ
พระพุทธองค์ทรงแสดงว่ามารดาบิดาเปรียบเหมือนพระอรหันต์ของลุกๆ
ถ้าทำดีกับท่านก็มีคุณมาก ถ้าทำไม่ดีกับท่านก็มีโทษมาก แต่มิได้หมายความว่า
ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆ
ขอเชิญคลิกอ่าน มารดาบิดาเสมือนพระอรหันต์ในบ้าน มีความหมายอย่างไร
มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร [สพรหมสูตร] การเลี้ยงมารดาบิดาเป็นความดี [มาตุโปสกสูตร]
เวลาที่เราให้ทานไปแล้ว หลังจากนั้นสติเกิดระลึกถึงทานที่เราเสียสละกิเลสเป็นจาคานุสสติค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
มารดา บิดาท่านเป็นเหมือนพระอรหันต์ของลูก ประพฤติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับบุตร เป็นต้น ดังข้อความดังต่อไปนี้ครับ ประโยค๔ - มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๒ - หน้าที่ 201 [มารดาบิดาเป็นบุรพเทพของบุตร]
เหมือนอย่างว่า วิสุทธิเทพกล่าวคือพระขีณาสพ (พระอรหันต์) ไม่คำนึงถึงความผิด
อันพวกชนพาลทำแล้ว หวังแต่ความเสื่อมไปแห่งความพินาศและความเกิดขึ้นแห่ง
ความเจริญ ปฏิบัติเพื่อประโยชนสุขแก่พวกเขาโดยส่วนเดียวแท้ๆ , และย่อมนำความ
ที่สักการะทั้งหลายของพวกเขามีผลานิสงส์มากเพราะเป็นทักษิไณยบุคคล ฉันใด ;
มารดาและบิดาแม้นั้น ก็ฉันนั้น ไม่คำนึงถึงความผิดของบุตรทั้งหลายปฏิบัติเพื่อ
ประโยชนสุขแก่บุตรเหล่านั้นโดยส่วนเดียวเท่านั้น เป็นผู้สมควรแก่ทักษิณา นำความ
ที่สักการะของบุตรเหล่านั้นอันเขาทำแล้วในตน มีผลานิสงส์มาก ; เพราะฉะนั้น ท่าน
ทั้ง ๒ นั้นจึงชื่อว่าเทพเพราะเป็นผู้มีความประพฤติเช่นดังเทพ.
ส่วนการระลึกถึงทานที่ทำแล้วคือต้องมีปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นทาน
เมื่อรู้ลักษณะขงอทานจึงระลึกถึงสภาพธรรมที่เป็นกุศลนั้น ไม่ใช่การระลึกถึงเรื่องของ
ทานครับ อีกนัยหนึ่งขณะที่ให้ทานเป็นสภาพธรรมที่มีจริง การอบรมวิปัสสนาสามารถรู้
ความจริงขณะที่เป็นกุศลขั้นทานว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
มารดา บิดาท่านเป็นเหมือนพระอรหันต์ของลูก ประพฤติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับบุตร เป็นต้น ดังข้อความดังต่อไปนี้ครับ ประโยค๔ - มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๒ - หน้าที่ 201 [มารดาบิดาเป็นบุรพเทพของบุตร]
เหมือนอย่างว่า วิสุทธิเทพกล่าวคือพระขีณาสพ (พระอรหันต์) ไม่คำนึงถึงความผิด
อันพวกชนพาลทำแล้ว หวังแต่ความเสื่อมไปแห่งความพินาศและความเกิดขึ้นแห่ง
ความเจริญ ปฏิบัติเพื่อประโยชนสุขแก่พวกเขาโดยส่วนเดียวแท้ๆ , และย่อมนำความ
ที่สักการะทั้งหลายของพวกเขามีผลานิสงส์มากเพราะเป็นทักษิไณยบุคคล ฉันใด ;
มารดาและบิดาแม้นั้น ก็ฉันนั้น ไม่คำนึงถึงความผิดของบุตรทั้งหลายปฏิบัติเพื่อ
ประโยชนสุขแก่บุตรเหล่านั้นโดยส่วนเดียวเท่านั้น เป็นผู้สมควรแก่ทักษิณา นำความ
ที่สักการะของบุตรเหล่านั้นอันเขาทำแล้วในตน มีผลานิสงส์มาก ; เพราะฉะนั้น ท่าน
ทั้ง ๒ นั้นจึงชื่อว่าเทพเพราะเป็นผู้มีความประพฤติเช่นดังเทพ.
ส่วนการระลึกถึงทานที่ทำแล้วคือต้องมีปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นทาน
เมื่อรู้ลักษณะขงอทานจึงระลึกถึงสภาพธรรมที่เป็นกุศลนั้น ไม่ใช่การระลึกถึงเรื่องของ
ทานครับ อีกนัยหนึ่งขณะที่ให้ทานเป็นสภาพธรรมที่มีจริง การอบรมวิปัสสนาสามารถรู้
ความจริงขณะที่เป็นกุศลขั้นทานว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
แล้วลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นทาน เป็นอย่างไรคะ ขอความกรุณาช่วยยกตัวอย่างได้ไหมคะ
แน่นอนครับถ้าเป็นเจตนาเสียสละจริงๆ ลักษณะของจิตต้องอิ่มเอิบและความสงบ
จากอกุศลเป็นสภาพ..
ขอบคุณค่ะ _/||\_ เข้าใจแล้วค่ะ :-)