Oo๐ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ๐oO
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๑๖ ม.ค. ๒๕๕๓
เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.
สีลวเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสีลวเถระ
[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา
เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ ๔๒๕
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ ๔๒๕
๑. สีลวเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสีลวเถระ
พระสีลวเถระ ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
[๓๗๘] ท่านทั้งหลาย พึงศึกษาศีลในศาสนานี้ ด้วยว่าศีลอัน บุคคลศึกษาดีแล้ว สั่งสมดีแล้ว ย่อมนำสมบัติทั้งปวง มาให้ในโลกนี้ นักปราชญ์ เมื่อปรารถนาความสุข ๓ ประการ คือ ความสรรเสริญ ๑ การได้ความปลื้มใจ ๑ ความบันเทิงในสวรรค์เมื่อละไปแล้ว ๑ พึงรักษาศีล ด้วยว่า ผู้มีศีล มีความสำรวม ย่อมได้มิตรมาก ส่วนผู้ทุศีล ประพฤติแต่กรรมอันลามก ย่อมแตกจากมิตร นรชนผู้ทุศีล ย่อมได้รับการติเตียน และ ความเสียชื่อเสียง ส่วนผู้มีศีล ย่อมได้รับการสรรเสริญและชื่อเสียงทุกเมื่อ ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธาน แห่งธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้น พึงชำระศีลให้บริสุทธิ์ สังวรศีลเป็นเครื่องกั้นความทุจริต ทำจิตให้ร่าเริง เป็นท่าที่ หยั่งลงมหาสมุทร คือ นิพพาน ของพระพุทธะทั้งปวง เพราะฉะนั้น พึงชำระ ศีลให้บริสุทธิ์ ศีลเป็นกำลังหาที่เปรียบมิได้ เป็นอาวุธอย่างสูงสุด เป็นอาภรณ์อันประเสริฐ เป็นเกราะ อันน่าอัศจรรย์ ศีลเป็นสะพาน เป็นศักดิ์ใหญ่ เป็นกลิ่นหอม อย่างยอดเยี่ยม เป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐ บุคคลผู้ สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมหอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ ศีลเป็นเสบียง อันเลิศ เป็นเสบียงเดินทางชั้นเยี่ยม เป็นพาหนะอัน ประเสริฐยิ่งนัก เป็นเครื่องหอมฟุ้งไปทั่วทิศานุทิศ คนพาล ผู้มีจิตไม่ตั้งมั่นในศีล ย่อมได้รับการนินทาในเวลา ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมได้รับทุกข์ โทมนัสในอบายภูมิ ย่อมได้รับทุกข์โทมนัสในที่ทั่วไป ธีรชนผู้มีจิตตั้งมั่นด้วยดีในศีล ย่อมได้รับการสรรเสริญ ในเวลาที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ครั้นตายไปแล้ว ก็ได้รับ ความสุขโสมนัสในสวรรค์ ย่อมรื่นเริงใจในที่ทุกสถาน ในโลกนี้ ศีลเท่านั้นเป็นยอด และผู้มีปัญญาเป็นผู้สูงสุด ในโลกนี้ ความชนะในมนุษยโลกและเทวโลก ย่อมมีได้ เพราะศีลและปัญญา
จบสีลวเถรคาถา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
สีลวเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสีลวเถระ
พระสีลวเถระ (แปลว่าพระผู้มีศีล) ได้กระทำบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าในปางก่อนสั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ท่านเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสารในกรุงราชคฤห์ มีชื่อว่า สีลวะเมื่อท่านเจริญวัยแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูประสงค์จะฆ่าท่าน จึงยกขึ้นสู่ช้างตัวตกมันดุร้าย แม้จะพยายามด้วยวิธีต่างๆ ก็ไม่สามารถจะฆ่าท่านได้ เพราะท่านเกิดในภพสุดท้าย จะไม่มีอันตรายต่อชีวิตในระหว่างที่ยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นความเป็นไปนั้น จึงตรัสสั่งให้พระมหาโมคคัลลานะไปนำสีลวกุมารมา พระเถระก็ได้นำสีลวกุมาร มาพร้อมด้วยช้างด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ สีลวกุมารลงจากช้าง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง มีศรัทธา ขอบวชในพระพุทธศาสนา อบรมเจริญวิปัสสนา ไม่นาน ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ อยู่ในรัฐโกศล
ต่อมา พระเจ้าอชาตศัตรูทรงสั่งบังคับให้ราชบุรุษทั้งหลายไปฆ่าท่าน แต่ราชบุรุษเหล่านั้นไปยังที่อยู่ของท่านแล้ว ได้ฟังธรรมกถาที่ท่านแสดง เกิดความสลดสังเวช มีจิตเลื่อมใส แล้วบวช ท่านพระสีลวเถระ ได้แสดงธรรมแก่บรรพชิตเหล่านั้นด้วยคาถาทั้งหลาย ตามที่ปรากฏแล้วนั่นแล
(หมายเหตุ : สรุปตามข้อความในอรรถกถา ครับ)
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น