เรียนถามอาจารย์ด้วยความเคารพครับผมอยากทราบว่า
สมเด็จองค์ปฐม หรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐม มีกล่าวไว้ในคัมภีร์อะไรครับ พระพุทธเจ้าองค์ปฐมมีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกหรือไม่ ผมเคยอ่านหนังสือสัมภาระวิบากโสตัตถกีมหานิทาน และอีกหลายๆ เล่มว่า พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีตั้งแต่พระพุทธเจ้า ชื่อว่าปุราณทีปังกรเป็นต้นมา จนมาถึงได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านานถึง ๒๐ อสงไขย แสนกัปป์ โดยมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้ว ๕๑๒,๐๒๗ พระองค์ แต่ไม่ได้กล่าวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมเลย ว่ามีพระนามอะไร เลยเป็นที่สงสัยที่ว่า
ขอเชิญสร้างพระพุทธสมเด็จองค์ปฐม และที่สร้างมาแล้วก็มีหลายวัด ยังดูขัดๆ กันอยู่
จึงเรียนถามมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องครับ
ขอขอบพระคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระพุทธเจ้า มีการแบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ ยิ่งด้วยปัญญา ยิ่งด้วยศรัทธาและยิ่งด้วยวิริยะ สำหรับพระพุทธจ้าสมณโคดม บำเพ็ญบารมีทั้งหมด ๒๐ อสงไขยแสนกัป คือ อธิษฐานทำบุญ ปรารถนาในใจ ๗ อสงไขย อธิษฐานทำบุญและเปล่งวาจาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ๙ อสงไขย และเมื่อได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็บำเพ็ญบารมีอีก ๔ อสงไขยแสนกัป รวมเป็น ๒๐ อสงไขยแสนกัป
ซึ่งในความเป็นจริง การปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าทางใจและวาจา ยังถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่แน่นอนที่จะบรรลุ ต้องเมื่อได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าครั้งแรกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า นั่นคือ เป็นนิยตพระโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ดังนั้น เมื่อนับพระพุทธเจ้าองค์แรกที่พยากรณ์พระโพธิสัตว์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าคือ พระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกรพระพุทธเจ้า ในกัปนั้นมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๔ พระองค์ คือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า พระสรนังกรพุทธเจ้า พระทีปังกรพุทธเจ้า แต่ใน ๓ พระองค์แรก ยังไม่ได้รับการพยากรณ์ เหตุยังไม่พร้อม จนถึงพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ คือ พระพุทธเจ้าทีปังกร จึงได้รับการพยากรณ์ ดังนั้นโดยทั่วไป เมื่อจะนับองค์แรก ก็เมื่อได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ครับ
สำหรับกรณีพระพุทธเจ้าสมณโคดม คือ นับจากการได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกรเป็นองค์แรกนั่นเองครับ และนับมาเรื่อยจนปัจจุบัน พระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นองค์ที่ ๒๔
ซึ่งจากข้อความที่ท่านผู้ถามได้ยกมานั้น ไม่มีแสดงไว้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถาครับ ที่แสดงว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดม เริ่มบำพ็ญบารมีในสมัยพระพุทธเจ้าปุราณทีปังกร รวมทั้งไม่มีข้อความแสดงว่ามีพระพุทธเจ้ามาแล้ว ห้าแสนกว่าพระองค์ครับ และก็ไม่มีข้อความที่แสดงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมเลยครับ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงจึงจะเป็นประโยชน์กับพุทธบริษัท แม้สิ่งอื่นๆ ที่พระองค์รู้แต่ไม่ทรงแสดง เพราะไม่เป็นประโยชน์กับพุทธบริษัทครับ
ในความเป็นจริง ข้อความในพระไตรปิฎก อธิบายว่า พระพุทธเจ้าอุบัติมาแล้วในโลกนับไม่ถ้วน หาประมาณไมได้ เพราะสังสารวัฏฏ์ยาวนานนับประมาณไม่ได้ เปรียบเหมือนจำนวนของพระพุทธเจ้า เท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา คือ มีมากนับไม่ได้จริงๆ ครับ
จึงไม่สามารถจะรู้องค์ปฐมได้เลยครับ ว่าองค์ไหนอย่างไร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องคิดเองว่าพระพุทธเจ้าองค์ปฐมชื่อนั้น ชื่อนี้ครับ และประโยชน์คือ ไม่ใช่การสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐม เพื่อรายได้เข้าวัด อันไม่เกื้อกูลต่อพระศาสนา แต่ควรให้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจพระธรรมก็เห็นพระพุทธเจ้าด้วยปัญญา สมดังที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
"ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น"
เห็นด้วยกับความเห็นของคุณ paderm ครับ เราควรศึกษาพระธรรรมเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจให้ถูกต้องมากกว่า เปรียบเสมือนผู้ต้องศรธนูควรที่จะถามหาหมอก่อนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับไปถามหาว่าใครยิงลูกธนู ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใด
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอหรันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลาที่ยาวนานมาก พระคุณของพระองค์นั้นมีมากมาย ดังที่ปรากฏในบทสรรเสริญพระพุทธคุณที่ว่า
อิติปิ โส ภควา (แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น)
อรหัง (ทรงเป็นพระอรหันต์ ผู้ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง)
สัมมาสัมพุทโธ (ทรงเป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ไม่มีใครเป็นครูอาจารย์)
วิชชาจรณสัมปันโน [ทรงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา (ความรู้แจ้ง) และ จรณะ (จรณะ หมายถึง เครื่องดำเนิน มี ๑๕ ประการ คือ ถึงพร้อมด้วยศีล, สำรวมอินทรีย์, มีความเพียร, รู้จักประมาณในโภชนะ, ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการ ได้แก่ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ (สดับตรับฟังพระธรรม) วิริยะ สติ ปัญญา รูปฌาน ๔) ที่สูงสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย]
สุคโต (ทรงเป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว)
โลกวิทู (ทรงรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ทรงรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง)
อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ (ทรงเป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่สมควรฝึก อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า)
สัตถา เทวมนุสสานัง (ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)
พุทโธ (ทรงเป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว)
ภควา (ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์)
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลที่เสมอกับบุคคลที่ไม่มีใครเสมอ นั่นก็คือ ทรงเสมอกันกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ การจะอธิบายให้เห็นว่าพระคุณของพระองค์มีมากมากเพียงใดนั้น ท่านแสดงไว้ว่า ในระยะเวลาหนึ่งกัป ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย กล่าวสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เพียงอย่างเดียว หนึ่งกัปดังกล่าวนั้น สิ้นไปก่อนแล้ว แต่พระคุณของพระองค์ ก็ยังกล่าวสรรเสริญไม่หมด
พระคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อประมวลแล้ว สรุปรวมลงใน ๓ ประการ คือ
พระบริสุทธิคุณ (ทรงดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ทรงมีความบริสุทธิ์ทั้งทาง กาย ทางวาจา และทางใจ)
พระปัญญาคุณ (ทรงมีพระปัญญาที่รู้สภาพธรรมทุกอย่างไม่มีเหลือ)
พระมหากรุณาคุณ (ทรงมีพระทัยประกอบด้วยเมตตาเกื้อกูลสัตว์โลก ด้วยการแสดงพระธรรม, ในแต่ละวัน พระองค์ทรงพักผ่อนน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสัตว์โลกทั้งปวง) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ [ไม่เพียงพระองค์เดียว แต่หลายแสนพระองค์] ล้วนเป็นผู้ทรงอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงมีการฟัง มีการศึกษา สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เมื่อศึกษาเข้าใจความจริงแล้ว ย่อมจะมีความซาบซึ้งมากขึ้นในพระคุณของพระพุทธองค์ ทั้งพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ และ พระมหากรุณาคุณ ตามปัญญาของตนเอง
ผู้ที่ขาดการฟัง ขาดการศึกษา ไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้เลยแม้แต่นิดเดียว ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การที่เราจะระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า บุคคลนั้นต้องศึกษาธรรม และ เข้าใจธรรม ยิ่งมีความเข้าใจธรรมมาก ก็ยิ่งซาบซึ้งในพระคุณมากขึ้นค่ะ
ท่านเคยน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณบ้างไหม และระลึกถึงในลักษณะใด การที่จะน้อมระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถที่จะน้อมระลึกได้ทุกเหตุการณ์ เช่น เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จะน้อมระลึกถึงพระคุณตั้งแต่พระองค์ได้ทรงแสดงปฐมเทศนา ตลอดมาจนถึงใกล้จะปรินิพพาน ก็จะเห็นพระคุณได้ ผู้ที่มีสัทธา มีวิริยะ ก็จะศึกษา ฟัง หรือ อ่านด้วยความปิติโสมนัส เมื่อเข้าใจพระธรรมก็อาจจะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอเรียนถามค่ะ
ว่าจะหาอ่านได้จากเล่มไหนคะเกี่ยวกับ ปรารถนาในใจ ๗ อสงไขย อธิษฐานทำบุญและเปล่งวาจาปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้า ๙ อสงไขย และเมื่อได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็บำเพ็ญบารมีอีก ๔ อสงไขย
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนก็คือ ธรรมะ บางทีตลอดสังสารวัฏฏ์ เราอาจจะเคยเกิด เคยฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้า องค์ก่อนๆ มาบ้างแล้วก็ได้ เหมือนกับในสมัยนี้ที่พระธรรมยังคงอยู่ แต่เราละทิ้งโอกาสที่ศึกษา และปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรม เลยไม่ต่างอะไรจากชาตินี้
เราการันตีไม่ได้ ว่าเกิดอีกที จะไปสู่แห่งหนตำบลใด จะได้พบพระพุทธศาสนาหรือไม่ จะรอฟังธรรมจาก ศาสนาพระศรีอารย์ ก็ธรรมะอันเดียวกัน นิพพานเดียวกัน จะรออะไรอีกล่ะ
ส่วนใหญ่คนที่อ้าง ชาตินี้คงไม่ทัน เราไม่มีบุญวาสนา บารมีไม่พอ ตอนนี้ทำไม่ได้ รอหมดภาระก่อน รอให้ลูกโต รอให้รวย รอให้มีครอบครัว อย่างโน้น อ้างอย่างนี้ ... มันเป็นข้ออ้างของกิเลส หรือ กิเลสมาร เกิดใหม่ชาติหน้าถ้ามีวาสนาได้เกิดเป็นคน ก็คงจะอ้างอย่างนี้อีก
ขออนุโมทนา
ขอขอบคุณ และอนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านที่ได้ให้ปัญญาสหายธรรมทั้งหลายครับ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบขอบพระคุณอาจารย์ และ อนุโมทนากุศลจิตทุกท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขออนุโมทนาครับ