* ถ้าไม่มีธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย ก็จะไม่มีคน สัตว์ สิ่งต่างๆ ไม่มีภัยธรรมชาติ โรคภัย และภัยต่างๆ เลย
* สภาพธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัยปรุงแต่งแล้วดับไปในทุกๆ ขณะ ก็คือสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่างที่กำลังเกิดปรากฏในขณะนี้ เช่น สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้โผฏฐัพพะ ความรู้สึก นึกคิด ฯลฯ
* ด้วยความเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วของสภาพธรรม จึงทำให้เกิดนิมิต บัญญัติ เรื่องราวต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดความยินดีพอใจบ้าง หรือทำให้เกิดความเดือดร้อนไม่สบายใจบ้าง เช่น เรื่องของภัยต่างๆ
* ความเกิดดับเป็นไปของสภาพธรรม ไม่มีใครที่จะยับยั้งได้ เพราะไม่มีคน ไม่มีใคร แต่เป็นสภาพธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเช่นนั้น
* ดังนั้นสิ่งที่เป็นภัยจริงๆ ก็คือสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยและดับไม่เหลือ และไม่กลับมาอีกเลย
* การที่จะเห็นในความเป็นภัยของสภาพธรรมได้จริงๆ นั้น ต้องเป็นปัญญาที่ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง (วิปัสสนาญาณ) ถึงระดับที่ประจักษ์แจ้งการดับไปไม่เหลือของสภาพธรรม แล้วจึงจะเห็นในความเป็นภัยของสภาพธรรมนั้นๆ (ด้วยภยญาณ) ซึ่งไม่ง่ายเลยที่ปัญญาระดับนี้จะเกิดขึ้น ต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญาโดยลำดับตั้งแต่ขั้นการฟังพระธรรม การระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏ จนถึงการประจักษ์แจ้งในสภาพธรรมอย่างชัดแจ้งตามลำดับ
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในธรรมทานเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ