การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงว่าเป็นเพียงสภาพธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีเรา ไม่มีคนที่เรารัก ไม่มีคนที่เราชัง แต่เพราะความไม่รู้ในความจริง จึงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ความไม่รู้และตัณหาเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มากมาย การศึกษาพระธรรมต้องเข้าใจตามลำดับในสิ่งที่มีจริงในชีวืตประจำวัน ขั้นการฟังเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มีจริง แล้วค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ จนกว่าจะรู้ จะประจักษ์แจ้งในความจริงนั้น ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาเมื่อมีความเข้าใจมากขึ้น เห็นโทษของอกุศล จึงเป็นเหตุให้อกุศลลดน้อยลงตามกำลังของปัญญาที่อบรมขึ้น พระธรรมมีแต่คุณประโยชน์
เพราะฉะนั้น การเข้าใจธรรมเสียหายตรงไหน ผู้ที่ไม่เคยศึกษาพระธรรม มีความสุข มีทรัทย์สินเงินทอง เมื่อมาศึกษาพระธรรมแล้วก็มีแต่ได้ไม่มีเสีย การเข้าใจพระธรรมจึงเป็นลาภอันประเสริฐ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ในชีวิตประจำวันจึงมีการงดเว้นจากอกุศลกรรมมากขึ้น แล้วกระทำกุศลกรรมเพิ่มขึ้น ทุกคนสามารถเห็นคุณค่าของพระธรรม สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าก่อนฟังพระธรรมและหลังฟังพระธรรมมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ยิ่งศึกษาพระธรรมเกิดความเห็นถูกเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น ก็จะเริ่มเห็นพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ว่าคนจน คนร่ำรวย ขณะนี้เป็นขณะที่หาได้ยาก อย่าได้ล่วงขณะนี้ไปเลยขณะของการได้เข้าใจพระธรรม จึงเป็นลาภอันประเสริฐ
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ไม่ควรล่วงเลยขณะที่ได้ฟังพระธรรม
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 624
[๓๔๕] หม่อมฉันปรารถนาความเจริญทางศึกษาของตน สัตบุรุษทั้งหลายผู้สงบ พึงคบหาหม่อมฉันข้าแต่ทูลกระหม่อม หม่อมฉันไม่อิ่มด้วยสุภาษิตเหมือนดังมหาสมุทร ไม่อิ่มด้วยแม่น้ำฉะนั้น ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐสุด ไฟไหม้หญ้าและไม้ย่อมไม่อิ่ม และสาครก็ไม่อิ่มด้วยแม่น้ำทั้งหลาย ฉันใด แม้บัณฑิตเหล่านั้นฉันนั้น ได้ฟังคำสุภาษิตแล้ว ย่อมไม่อิ่มด้วยสุภาษิต ข้าแต่พระทูลกระหม่อมจอมประชาชนเมื่อใด หม่อมฉันฟังคาถาทีมีประโยชน์ต่อทาสของตน เมื่อนั้น หม่อมฉันย่อมตั้งใจฟังคาถานั้นโดยเคารพ ข้าแต่พระทูลกระหม่อม หม่อมฉันไม่มีความอิ่มในธรรมเลย.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ