เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
"จิตคิดมีจริงแต่เรื่องที่คิดมาจากเห็นบ้างได้ยินบ้าง"เป็นคำบรรยายในพรพะอภิธรรมตอนที่ 342 ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยขยายความด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เป็นสภาพธรรมที่สั้นแสนสั้น มีอายุเพียงแค่ขณะที่เกิดขึ้นขณะที่ตั้งอยู่และขณะที่ดับไปเท่านั้น จากคำกล่าวที่ว่า จิตคิดมีจริงแต่เรื่องที่คิดมาจากเห็นบ้างได้ยินบ้าง
จิต เป็นสภาพรู้ และ ตรึกนึกถึง ในเรื่องราวจากสิ่งทีไ่ด้เห็น ได้ยิน เพราะ อาศัยสัญญา ความทรงจำไว้ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งโดยทั่วไปล้ว เมือ่วิถีจิตทางปัญจทวารเกิดขึ้น คือ เมื่อมีการเห็น ก็ทำให้เกิด วิถีจิตต่อมาทางมโนทวาร และ คิดนึก เป็นเรื่อราว เป็นสิ่งต่างๆ ซึ่งก็เป้นการทำหน้าที่ของจิต และ เจตสิก ร่วมกันมีวิตกเจตสิก เป็นต้น แต่เพราะ มีการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส จึงมีการคิดนึก ที่เป็น จิตและเจตสิกได้ ครับ
ขออนุโมทนา
เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
การคิดขณะที่หลับหรือฝัน มาจากวิตกเจตสิก ท่านอาจารย์เคยบรรยายว่าก็แค่ไม่คิดแล้วการไม่คิดบังคับบัญชาไม่ได้ไม่ใช่หรือครับ ขอความกรุณาช่วยชี้แนะด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรียน ความคิดเห็นที่ 2 ครับ
ธรรมละเอียดลึกซึ้งมาก แสดงถึงความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงขณะที่หลับสนิท ไม่ฝัน วิถีจิตไม่เกิด ไม่ว่าจะเป็นทางใดๆ ก็ตาม ตามการศึกษาจะเข้าใด้ว่า ขณะที่หลับสนิท จิตเป็นภวังค์ ไม่ได้อาศัยทวารหนึ่งทวารใดเลย เป็นจิตที่พ้นจากทวาร ขณะที่หลับสนิทนั้น โลกนี้ไม่ปรากฏเลย ไม่เห็นไม่ได้ยิน เป็นต้น ตลอดจนถึง กุศล กับอกุศล ก็เกิดไม่ได้ในขณะที่หลับสนิท ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ความคิดเกิดจากการสะสมที่มีเหตุปัจจัยก็คิดอย่างนั้นอีก เช่น คิดจะรักษาศีล คิดจะฟังธรรม คิดจะให้ทาน คิดที่จะไม่โกรธ ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขออนุโมทนาครับ