ทิ้งพระเครื่อง เป็นอกุศลกรรมไหม
โดย ผู้ศึกษาธรรมมือใหม่  23 ต.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 33133

สวัสดีค่ะ หนูฟังธรรมมาสักระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่าการเคารพพระพุทธเจ้า คือการฟังธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่การกราบไหว้รูปเคารพโดยที่ไม่เข้าใจพระธรรม ตอนนี้เลยไม่แขวนพระแล้วทีนี้ที่บ้านก็มีพระเครื่องจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีทั้งแตกหักชำรุด ต้องคอยปัดฝุ่นเสมอทิ้งไว้ก็กลัวจะบาปที่ไม่ได้ดูแล จึงคิดว่าถ้าไม่มีก็จะสบายดีไม่ต้องกังวล จึงอยากเรียนถามค่ะว่าควรทำอย่างไรดี จะเอาไปวัดก็เกรงใจพระ หรือจะฝังดินจะเป็นอกุศลกรรมไหมคะ

ขอบพระคุณค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 23 ต.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ไม่มีอะไรที่จะคุ้มครองให้พ้นจากความหลงผิด สูญเสียเงินในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ได้ นอกจากพระธรรมวินัย ถ้าได้ศึกษาแล้วเข้าใจ ก็รู้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้น (คือ พระเครื่อง เป็นต้น) ไม่สามารถกระทำสิ่งที่หลงเชื่อว่าจะทำได้ เพราะเหตุว่า ไม่เป็นเหตุไม่เป็นผล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้แสดงให้ไปเชื่อสิ่งต่างๆ เหล่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเขามีความมั่นคงในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะรู้ความจริงว่า สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เหลวไหล ไร้สาระ ไม่มีเหตุผล"
อ้างอิงจากหัวข้อ ...

พระพุทธศาสนาไม่ใช่พิธีกรรม


พระเครื่อง หรือ สิ่งที่เข้าใจกันว่าวัตถุมงคลต่างๆ นั้น ไม่สามารถทำให้อะไรเกิดขึ้นเป็นไปได้ เพราะสิ่งใดที่จะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เมื่อไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล จะฝังดิน จะทำลายเลย ก็ย่อมได้ ไม่เป็นบาปแต่อย่างใด
พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องป้องกันความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พระธรรมย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้มีความมั่นคงในความเป็นจริง มั่นคงในความถูกต้อง ไม่หวั่นไหวคล้อยตามในสิ่งที่ผิด ไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสอนของพระองค์เกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ ซึ่งกว่าจะได้ทรงตรัสรู้นั้น ต้องอาศัยการสะสมพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ย่อมไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เพราะสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปทุกประเภท ไม่มีเลยที่จะเกิดโดยปราศจากเหตุปัจจัย ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น จึงต้องฟัง ต้องศึกษาพระธรรมต่อไป ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย ผู้ศึกษาธรรมมือใหม่  วันที่ 23 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณอาจารย์คำปั่นมากค่ะ ตั้งแต่ได้มาฟังพระธรรมกับมูลนิธินี้ก็ทำให้เกิดความเข้าใจขึ้นหลายอย่าง แต่ก็ยังไม่มากพอ หนูจะต้องฟังต่อไปให้เข้าใจถูกเห็นถูกและมั่นคงไม่หวั่นไหวไม่ละทิ้งการฟังธรรมค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย talaykwang  วันที่ 23 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 23 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย Onuma  วันที่ 24 ต.ค. 2563

ตอนคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ ท่านมีอัธยาศัยสะสมพระเครื่อง ไม่วายคุณแม่จะ ห้ามปรามให้เหตุผลว่าลูกๆ ไม่มีคนไหนดูสนใจพระเครื่องที่ทานเฝ้าเพียรสะสม มีเงินทองก็นำไปเช่ามา แม้ใกล้วันเสียราว 7 -10 วันท่านป่วยเป็นมะเร็ง ท่านให้ดิฉันช่วยไปเช่าพระให้จากวัดแห่งหนึ่ง ดิฉันบอกว่าอย่าเลยนะ มีมากแล้ว แต่ท่านพูดมาประโยคหนึ่ง อย่าขัดใจพ่อ ดิฉันก็ต้องตามท่าน สุดท้ายท่านเสีย แต่พระที่เช่ายังไม่มา จนก่อนวันเผา ทางวัดนั้นส่งมา ดิฉันเลยบอกท่านว่า พ่อ พระเครื่องทีสั่งใหัเช่ามาแล้วนะ ดิฉันใส่ไว้ในมือท่าน ... จนถึงปัจจุบัน กว่า10 ปีแล้ว ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับพระเครื่องเหล่านั้น ยังคงวางบนหิ้งพระ

ตอนนี้ได้คำตอบแล้วคะ

ขอบคุณคะ