ถ้าเป็นผู้ที่อบรมเจริญเมตตาจริงๆ จะไม่เว้นโอกาสใดเลย ไม่ใช่นึกจะเจริญเมตตา เฉพาะในเวลาที่เกิดโทสะเท่านั้น
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกครั้งที่มีโอกาสเจริญเมตตาก็จะทำเสมอครับ เท่าที่มีโอกาสจะกระทำเมื่อสติเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่ถ้าหลงลืมสติก็ต้องอาศัยการปรุงแต่งจากการได้เห็น ได้ยินหรือกระทบอารมย์ทางทวารต่างๆ เพื่ออารมย์ที่กระทบนั้นให้เป็นปัจจัย ให้เมตตาเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ต่างๆ ถ้าได้เห็นและได้ยินและว่าเขาต้องการได้การช่วยเหลือจากเรา บางครั้งก็มีผู้อื่นทำความเสียหายให้กับทรัพย์สินของเรา
ผมก็พิจารณาว่า เหตุที่เกิดทำให้เราเสียทรัพย์ทั้งนี้นั้น เนื่องจากเป็นวิบากเก่าของเราเอง และก็นึกคิดว่าวันข้างหน้าไปเขาก็ต้องมาเสียทรัพย์สินเหมือนเช่นเรา แต่ในขณะนั้นเมตตาก็ยังไม่เกิดครับ ผมต้องมาทบทวงคิดแล้วคิดอีก พิจารณาแล้วพิจารณาอีก อยู่หลายๆ วันจึงมาค่อยๆ รู้สึกเฉยๆ พอเวลาผ่านไปพอสมควรกับจำได้อีก ทีนี้มาพิจารณาใหม่จึงพอมีเมตตาเกิดขึ้นได้บ้าง อยู่ๆ จะให้เมตตาเกิดขึ้นในขณะนั้นเลยนั้นคงยังทำใจไม่ได้ เพราะกิเลสที่ผมสะสมมาคงมากพอดู
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
สภาพธรรมะเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร อยากให้เมตตาเกิดเพราะจะเป็นกุศล นั้นหาใช่เป็นเช่นนี้ไม่ หากเกิดก็เป็นไปโดยที่ไม่รู้เลยเพราะสภาพธรรมะคืออนัตตา ไม่ต้องคอยไปจดจ้อง เช่นท่านอาจารย์กล่าวว่าไม่ต้องไปเรียกชื่ออะไรมันก็เป็นของมันอย่างนั้นถ้ามันจะเกิด
ขออนุโมทนาครับ