ปฏิเสธอัตตา เมื่อเข้าใจ รู้ว่าธรรมะทุกอย่างเป็นอนัตตา
โดย nattawan  4 ต.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 46642

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ข้อความบางส่วนจากการสนทนาธรรมที่โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 4 ต.ค. 66

เป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่ได้สนทนาธรรม ประโยชน์เพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง เป็นขณะที่หาได้ยาก ได้สนทนาธรรม ได้ฟังความจริง

ในสมัยพุทธกาลได้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า การฟังธรรมเหมือนได้เข้าเฝ้าฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เป็นข้อความที่ไพเราะ ไม่มีเลยในคำสอนอื่น ได้ฟังเฉพาะเมื่อมีการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ธรรมะที่มีจริงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา

ถ้าไม่มีอะไรเกิดเลยว่างเปล่าไหม ... ใครรู้ว่าว่างเปล่า!!! ว่างเปล่าเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หรือว่างเปล่าเพราะมีสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ... จึงว่างเปล่า ... เพราะสิ่งที่เกิดและดับแล้วไม่เหลือเลย แล้วมีสิ่งอื่นเกิดและดับสืบต่อ ... คิดอะไรต้องถูกต้อง ... ตรง ... ไม่เปลี่ยน

ไม่รู้ว่าอะไรว่างเปล่าและไม่รู้ว่าไม่เหลือเลย ไม่รู้ว่าอะไรเกิด ... อะไรดับ ไตร่ตรองว่า ... อะไรมี ... อะไรเกิด ... อะไรดับ ... เดี๋ยวนี้ต้องมีสิ่งที่ปรากฏเกิดแล้วดับด้วย ... ไม่เหลืออะไรเลย ตลอดชีวิตไม่เข้าใจว่าไม่มีอะไรเหลือเลย ... แล้วประโยชน์อะไร เพราะไม่เหลืออะไรเลยทั้งสิ้น มีแขน มีขา มีทรัพย์สมบัติไหม ... ตามความเป็นจริงถึงที่สุด ... ความไม่รู้แค่ไหน ... ฟังจนเข้าใจมั่นคงว่า อะไรที่ปรากฏขณะนี้จริงๆ แต่ละหนึ่ง ไม่เผิน ไตร่ตรอง มั่นคง ตรงต่อความจริง ต้องรู้จักความจริงเพื่อแก้ไข เพราะไม่เคยรู้ถูกมานานเท่าไหร่ แล้วจะคิดถูกได้อย่างไร!!!

แม้แต่ความคิดก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย มุ่งหมายอะไรเพื่อรู้อะไร ... เห็นความลึกซึ้งไหม ... เพื่อประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่มีจริง ถ้าไม่มีการตรัสรู้ ไม่สามารถละความไม่รู้ ความติดข้อง ความเพลิดเพลินตลอดเวลาได้เลย

ความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้แต่ละหนึ่ง แต่ละขณะ ค่อยๆ มั่นคง ค่อยๆ รู้ความจริงของสิ่งที่เกิดแล้ว ค่อยๆ เข้าใจว่ามีจริงหรือเปล่า เมื่อไม่รู้จึงต้องฟังแล้วฟังอีก มั่นคงขึ้น ... หนทางเดียว ... ตั้งไจฟังคำของพระองค์ ไม่ไปทำอื่น และไม่ทำตามใจชอบ ทำไม่ได้ เพราะสิ่งนั้นเกิดแล้วตามเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา ไม่มีใครทั้งสิ้น จะทำอะไรได้ เพราะไม่มีเรา แต่คิดว่ามีเรา ... เราทำได้ แต่ว่าทำไม่ได้ เพราะสิ่งนั้นเกิดแล้วดับแล้ว และไม่กลับมาอีกเลย

ถามเพื่อได้คำตอบที่พอใจ แต่ไม่เข้าใจ ... เป็นประโยชน์ไหม!! ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เข้าใจ มั่นคงขึ้นๆ ต้องละเอียดมากแต่ละคำ เพราะเป็นคำจริง รู้จักพระองค์ไหม ... แล้วตู่หรือเปล่าว่าฟังคำของพระองค์!!

ไม่มีสาระ ถ้าไม่เข้าใจ สาระอยู่ที่เข้าใจ!!! สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้แสดงความเป็นอนัตตา ที่ต้องเข้าใจว่าอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ที่อื่น กำลังเห็นเดี๋ยวนี้เป็นอนัตตา เป็นธรรมะทั้งหมด ฟังเพื่อเข้าใจ ... ไม่ใช่รู้คำเยอะๆ ... สงสัยไปหมด ... ไม่สนใจเห็นที่กำลังปรากฏ แต่สนใจสิ่งที่ยังไม่ปรากฏ ... ฟังธรรมะเพื่ออะไร!! ... เพื่ออยากรู้ชื่อ!! ... ไม่ใช่จำชื่อ ... แต่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีเห็นกำลังมีกำลังปรากฏซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ปฏิเสธอัตตา เมื่อเข้าใจ รู้ว่าธรรมะทุกอย่างเป็นอนัตตา ... ชัดเจนอยู่แล้ว ... แต่ไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นอะไร!!! ไม่รู้เพราะยังเผินมาก ถ้าเข้าใจมั่นคงไม่ต้องหาที่ไหน ธรรมขณะนี้ทั้งหมดเป็นอนัตตา ถ้ารู้จริง ... ก็ต้องรู้สิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ... จึงจะรู้จริง!!!

ไม่ใช่ให้จำ แต่ให้เข้าใจธรรมะที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่ง แม้ศึกษาพระธรรมก็ต่างกันมาก รู้สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ... แต่ไม่รู้เห็นขณะนี้ แต่ไม่รู้ตรงเห็น ... มีสิ่งที่ปรากฏทางตาเดี๋ยวนี้ ... ก็รู้สิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้เพราะเห็น ... ถ้าถึงความเข้าใจมั่นคงจริงๆ ... ปลาบปลื้มไหม ... ถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่มีจริงละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น ... จะรู้อะไร!!!

ประโยชน์อยู่ที่เข้าใจ!!! ถ้าเข้าใจแล้วไม่ต้องมีพระพุทธเจ้า!!! ฟังเข้าใจเมื่อไหร่ เริ่มรู้จักพระองค์ตามความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น อาศัยคำของพระองค์เป็นที่พึ่งที่อาศัยให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น เป็นอารมณ์ที่เป็นประโยชน์ เพื่อเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริงเพิ่มความเข้าใจขึ้น ละเอียดขึ้น มั่นคงขึ้น ชัดเจนเลยว่า เป็นธรรมะที่มีจริง เป็นประโยชน์มาก ... เห็นเลยว่าความไม่รู้มากมายเพียงใด!!!

เชิญคลิกชม

สนทนาธรรม กับ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และอาจารย์ มศพ.
วันพุธที่ ๔ ต.ค. ๖๖ เวลา ๑๓.๓๐-๑๕.๐๐ น.

🔵 FB: ชมรมบ้านธัมมะ
fb.watch/nsL_neKn1T/?mibextid=NnVzG8

🔵 FB: วิทยุออนไลน์
fb.watch/nsLJJzIfn3/?mibextid=NnVzG8

🔴 YouTube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
www.youtube.com/live/cohMjPK8EqU?si=NfjctSXN8oIBTeKs

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 5 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ