การศึกษาสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ จะเป็นการเข้าใกล้ความจริงยิ่งขึ้น
โดย บ้านธัมมะ  3 พ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 39680

研習這一刻的真相,將會更靠近法的真實本質

การศึกษาสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ จะเป็นการเข้าใกล้ความจริงยิ่งขึ้น


問: 上周的討論中提到佛陀與一名女子似乎只是在討論死亡,然後那名女子就開悟了。請問聽的人是如何因為這樣的對話而開悟?

ผู้ถาม: เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าและผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเหมือนจะพูดคุยกันถึงเรื่องความตายเท่านั้น จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็บรรลุธรรม ผู้ฟังสามารถรู้แจ้งธรรมเพราะบทสนทนาเช่นนี้ได้อย่างไร?

Ajhan Sujin: 現在有什麼是可以持續不變的嗎?現在那些房子,財產真的屬於我們嗎?死後可以帶走嗎?一刻接著一刻是什麼跟著我們?是善還是不善?有智慧嗎?如果一刻接著一刻都沒有智慧生起,下一世也會是如此。現在這一刻有多少智慧去瞭解真相?你知道你要去哪裡嗎?當四念住生起直接經驗法的那一刻對法才會更有信心。 當我們坐著的時候是什麼在那裡?

อ.สุจินต์: ขณะนี้มีอะไรที่สามารถคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงได้ไหม? ตอนนี้บ้านและทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของเราจริงๆ ไหม? เมื่อตายแล้วสามารถนำติดตัวไปได้ไหม? ในแต่ละขณะมีสิ่งใดที่ติดตัวเราไปได้บ้าง? กุศล? หรือว่าอกุศล? หรือว่าปัญญา?

หากแต่ละขณะนั้นไม่มีปัญญาเกิดเลย ชาติต่อไปก็จะเป็นอย่างนี้ต่อไป ขณะนี้มีปัญญาแค่ไหนที่จะรู้จักสภาพธัมมะตามความเป็นจริง? คุณรู้หรือไม่ว่าตายแล้วคุณจะไปไหน? เมื่อสติปัฏฐานเกิดขึ้นรู้ตรงสภาพธรรม ความมั่นคงในธรรมก็จะมั่นคงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เรากำลังนั่งอยู่ตรงนี้ มีสภาพธัมมะอะไรอยู่ตรงนี้?

問: 名法和色法。

ผู้ถาม: นามธรรมและรูปธรรม

Ajhan Sujin: 它們的特徵是什麼?

อ.สุจินต์: มีลักษณะอย่างไร?

問: 名法是那個去經驗的,色法是不能去經驗的。

ผู้ถาม: นามธรรม คือสภาพรู้ รูปธรรม คือสภาพที่ไม่รู้อะไรเลย

Ajhan Sujin: 那個去經驗的經驗了什麼?

อ.สุจินต์: สภาพรู้ รู้อะไร?

問: 經驗了軟硬。

ผู้ถาม: รู้ตรงอ่อนแข็ง

Ajhan Sujin: 硬是什麼嗎?還是它就只是硬。

อ.สุจินต์: แข็งคืออะไร? หรือเป็นเพียงแข็ง?

問: 就只是硬。

ผู้ถาม: ก็คือแข็ง

Ajhan Sujin: 在日常生活中,我們逐漸去思惟被碰觸到的就只是軟或硬,並沒有什麼東西在那裡,那一刻那個世界就只是硬。

อ.สุจินต์: ในชีวิตประจำวัน ค่อยๆ คิดพิจารณาตรงที่ถูกกระทบว่าเป็นเพียงอ่อนหรือแข็ง ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย โลกในขณะนั้นเป็นเพียงแข็งเท่านั้น

問: 為什麼那一刻就只是硬?

ผู้ถาม: เพราะเหตุใดขณะนั้นจึงเป็นเพียงแข็งเท่านั้น?

Ajhan Sujin: 因為每一刻就只會有一個所緣。

อ.สุจินต์: เพราะว่าหนึ่งขณะ จะมีเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้นที่ปรากฏให้รู้ได้

問: 那也就是說那一刻那個去經驗的是在的,只是出現的只會是一個所緣。請問瞭解現在法的生滅會帶來解脫嗎?

ผู้ถาม: หมายความว่าในขณะนั้นมีสภาพรู้ สิ่งที่ปรากฎเป็นเพียงอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ขอเรียนถามว่า การเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดดับ สามารถนำไปสู่การหลุดพ้นได้ไหม?

Ajhan Sujin: 只是文字上知道,但目前這個程度的智慧是不夠的。

อ.สุจินต์: นั่นเป็นเพียงการรู้ตามตัวอักษร เพราะระดับของปัญญายังไม่มากพอที่จะรู้ได้ตามความเป็นจริง

Serah: 當我們討論這一刻是什麼在那裡的時候,我們討論的是出現的是什麼,否則就只是在想著很多的情境故事。生氣的時候想著生氣的原因,人,事等等,但其實生氣的那一刻出現的就只是憤怒,就只是不愉快的感受而已,沒有人沒有我也沒有任何東西。

ซาร่า: ในขณะที่เราพูดถึง ”ขณะนี้” เรากำลังพูดถึงสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ว่าคืออะไร ไม่เช่นนั้นก็จะนึกถึงเรื่องราวสถานการณ์มากมาย เวลาโกรธก็จะนึกถึงเหตุผลของความโกรธ เช่น ผู้คน สิ่งของ ต่างๆ นานา แต่แท้จริงแล้ว เวลาโกรธก็เป็นเพียงโกรธ เป็นเพียงความรู้สึกไม่พอใจ ไม่มีคน ไม่มีเรา หรือสิ่งใดเลย

在碰觸到硬的時候就只是硬,沒有家人沒有房子也沒有財產。

เมื่อกระทบกับแข็ง ก็เป็นเพียงแข็งเท่านั้น ไม่มีคนในครอบครัว ไม่มีบ้าน หรือทรัพย์สิน

我們會認為不應該有這麼多貪愛或瞋恨,但不管是什麼法,那一刻已經有條件生起了,不能是別的。當對現在這一刻的法愈加瞭解愈有信心就能夠慢慢放掉我能掌控生活中所有事的想法,因為可以瞭解到每一刻都是因緣和合的。

เราอาจจะคิดว่าเราไม่ควรที่จะมีโลภะหรือโทสะ แต่ไม่ว่าจะเป็นสภาพธัมมะอะไรก็ตามที่ปรากฏ ขณะนั้นก็มีเหตุปัจจัยได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจเป็นอื่นได้ เมื่อเข้าใจสภาพธัมมะที่กำลังมีในขณะนี้ ความมั่นคงในธัมมะก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ค่อยๆ ละคลายความเป็นเราที่เคยเข้าใจผิดว่าสามารถจะควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ เพราะเข้าใจได้ว่าทุกขณะที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเหตุปัจจัย

在硬出現很短暫的那一刻就只是硬,並沒有桌子椅子,但那一刻很快就過去了,很快就又有帶著無明去思考了。真相就是每一刻的法生起滅去,一刻一刻都是如此。

ในขณะที่แข็งปรากฎนั้นแสนสั้น เป็นเพียงแข็งเท่านั้น ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ แต่ขณะนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตรึกคิดไปด้วยความไม่รู้ทันที ความจริงก็คือทุกขณะเป็นเพียงธัมมะเกิดขึ้นแล้วดับไป ทุกๆ ขณะก็เป็นเช่นนี้

Ajhan Sujin: 一整天都是在無明裡,只有智慧逐漸培養累積才會知道累積的無明有多深。名法就只是去經驗的,但它的特徵並沒有被知道,所以我們會認為是”我”在經驗。

อ.สุจินต์: เราอยู่ในอวิชาตลอดเวลา มีเพียงการค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาเท่านั้น จึงจะรู้ได้ว่า ได้สะสมอวิชชามาลึกมากแค่ไหน นามธรรม คือสภาพรู้ แต่ก็ยังไม่รู้จักลักษณะของนามธรรม ดังนั้นจึงเข้าใจผิดว่าเป็นเราที่กำลังรู้

問: 請問飛蚊症的黑影是透過眼門出現的還是意門?

ผู้ถาม: ขอเรียนถามว่า โรควุ้นตาเสื่อมที่เห็นเป็นเงาๆ ปรากฎทางจักขุทวารหรือว่ามโนทวาร?

Serah: 用傳統語言來說我是有飛蚊症的,那就好像是有小蟲子在我眼前,但其實這就只是在想,事實上就只是那個可以被看到的被看到了。這就像是現在我看著電腦螢幕看到大家的照片,但其實是因為有足夠的因緣條件所以那個色塵被看到,然後因為有記憶記得這是誰或這是什麼,但其實就只是不同的色塵。不管用飛蚊症還是任何名詞,一定都是因為先有色塵被經驗到,然後意門去想像出來各種概念故事。

ซาร่า: ในภาษาแบบเดิมเราอาจจะใช้คำว่า”ฉันเป็นโรควุ้นตาเสื่อม”ลักษณะอาการเหมือนมีเงาหยากไย่ จุดหรือเส้นใยลอยอยู่ตรงหน้า แต่นั่นเป็นเพียงคิด ความจริงแล้วนั่นเป็นเพียงสภาพเห็นที่เห็นสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็น ก็เหมือนกับเดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นภาพของทุกคนในจอคอมพิวเตอร์ แต่แท้จริงแล้วเพราะมีเหตุปัจจัยพร้อมให้เห็น จึงเห็นสิ่งที่สามารถปรากฏทางตา จากนั้นเพราะสัญญาความทรงจำทำให้จำได้ว่า นี่ใคร หรือว่า นี่คืออะไร แต่ความจริงเป็นเพียงสิ่งที่สามารถปรากฏทางตาที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะใช้คำว่าโรควุ้นตาเสื่อม หรือคำอะไรก็ตาม นั่นต้องเป็นเพราะมีเห็นและมีสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า สิ่งที่ถูกเห็น จากนั้นทางมโนทวารก็คิดนึกไปในเรื่องราวต่างๆ นานา

Jon: 這和幻相是不同的。幻相並不是透過眼耳鼻舌身的感官門去經驗到,而僅僅只是意門去幻想出來的。

จอน: สิ่งนี้ต่างจากคิดนึก การคิดนึกนั้นไม่ปรากฎทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย แต่จะปรากฎทางมโนทวารเท่านั้น

問: 空氣裡有許多色聚,每個色聚裡都一定有色塵。但現在被看見的是電腦螢幕,在我和電腦螢幕中間有許多的色塵卻不被看見。

ผู้ถาม: ในอากาศมีรูปกลาปต่างๆ มากมาย และในหนึ่งกลาปนั้นก็ต้องมีสี แต่ว่าในขณะที่กำลังมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในช่วงระหว่างที่กำลังมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ระหว่างนั้นก็มีสีอีกตั้งมากมายที่ไม่ได้ถูกเห็น

Jon: 空氣裡的色塵沒有被經驗因為它們並沒有足夠的條件撞擊眼根。但當看著海水的時候,看得到水的顏色也看得到水裡的生物,因為這時候它們有足夠的條件被看見。

จอน: สีในอากาศที่ไม่ได้ถูกเห็น นั่นเป็นเพราะเหตุปัจจัยไม่พร้อมที่จะถูกเห็น ในขณะที่กำลังมองดูทะเล ก็เห็นเพียงสี ที่ปรากฏให้เห็น ขณะที่เห็นเป็นน้ำทะเล ก็มองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำทะเล เพราะเหตุว่าไม่มีเหตุปัจจัยพร้อมจะให้เห็น

聲音也會有不同的頻率,有些頻率的聲音我們聽不到,但也許狗會聽得到。比較重要的應該是去討論出現的是什麼而不是那個沒有出現的。

เสียงก็เช่นกัน มีคลื่นความถี่ที่แตกต่างกันออกไป คลื่นความถี่ของเสียงบางชนิดเราก็ไม่สามารถที่จะได้ยิน แต่สุนัขสามารถที่จะได้ยิน สิ่งที่สำคัญ คือควรที่จะกล่าวถึงสิ่งที่ปรากฎนั้นคืออะไร ไม่ใช่ไปกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ปรากฎ

Serah: 問這個問題表示這是對色塵並不瞭解。當你問在我和電腦中間的色塵為什麼沒被看到,那什麼是”我”?什麼是”電腦”?那個現在被看到的不是我也不是電腦更不是在這兩者中間有什麼在那裡,事實上被看到的就只會是色塵。

ซาร่า: การถามคำถามแบบนี้แสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าใจในรูป ในสี เมื่อคุณถามว่าระหว่างตัวเรากับคอมพิวเตอร์ สีในขณะนั้นทำไมจึงไม่ถูกเห็น ตัวเราคืออะไร? คอมพิวเตอร์คืออะไร? สิ่งที่กำลังถูกเห็นนั้นไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ยิ่งไปกว่านั้นในสองอย่างนั้น ตัวเรา กับคอมพิวเตอร์ มีอะไรอยู่ตรงนั้นไหม? ความจริง คือสิ่งที่ถูกเห็นนั้น เป็นเพียงสีเท่านั้น

一直在想著”我”,”電腦”或是這中間有什麼沒被看見,那其實並沒有真的瞭解現在在那裡的到底是什麼,試著要去找出色聚或色塵但並不瞭解現在在那裡的是什麼。每個色聚至少都由八個不同的色法組成,組成比例都不會一樣,但在看到的那一刻就只會是色塵被看到,色塵就是那個被看到的而已。

คิดว่าเป็นเรา เป็นคอมพิวเตอร์ หรือ มีอะไรถูกเห็นในตัวเรากับคอมพิวเตอร์ ได้บ้าง? การคิดแบบนี้แท้จริงแล้วไม่ได้เข้าใจว่าสิ่งที่มีอยู่ตรงนั้นคืออะไร มีเพียงแต่ความคิดที่จะไปแสวงหารูปหรือสี แต่ไม่ได้เข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่กำลังมีอยู่ตรงนั้นว่าคืออะไร แต่ละกลาปอย่างน้อยที่สุดต้องมี 8 รูป แต่ในขณะที่เห็นนั้น ขณะนั้นมีเพียงสีเท่านั้นที่ถูกเห็น สีก็คือสิ่งที่ถูกเห็น

問: 晚上當燈亮的時候可以看到電腦,床,桌子等等,但當燈關了之後馬上就什麼都看不見了,只看見黑色。

ผู้ถาม: ยามที่แสงไฟสว่างในค่ำคืน สามารถมองเห็นคอมพิวเตอร์ เตียง โต๊ะ ฯลฯ แต่ยามที่แสงไฟดับลง ทันใดนั้นก็มองไม่เห็นอะไรเลย เห็นเพียงแต่สีดำ

Serah: 這是一個很長的故事但其實並不瞭解色塵是什麼。不管是暗還是亮,被看見的就只會是色塵,當暗的時候沒有任何形狀或外觀被看見,會被看見的是因為有足夠的因緣條件加上記憶心所曾經標記記憶所以才會有被看見是什麼人什麼東西的概念。

ซาร่า: นี่เป็นเรื่องราวที่ยาวมาก ความจริงคือ ไม่เข้าใจว่าสีคืออะไร ไม่ว่าจะมืดหรือสว่าง เพียงสีเท่านั้นที่ถูกเห็น ตอนที่มืดไม่มีรูปร่าง รูปทรง ลักษณะภายนอกให้เห็นได้ ที่เห็นได้นั้นก็เพราะเหตุว่ามีเหตุปัจจัยพร้อมที่จะให้เห็น รวมถึงสัญญาเจตสิกเคยทรงจำในลักษณะนั้นไว้ จึงเห็นเป็นบุคคล เห็นเป็นสิ่งของ

對於有個人有什麼東西在那裡的邪見深深地根植,所以會一直想著本來有什麼東西被看見然後沒有東西被看見,但其實那都是在想而已。
不管是在亮的房間還是暗的房間,户外還是室內,有家俱還是沒家俱,都只是色塵被看見而已,被看見的就只是那個被看見的。否則就只是迷失在不同的故事情境裡。

การที่เห็นว่ามีบุคคล มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ตรงนั้น เป็นความเห็นผิดที่หยั่งรากฝังลึก ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจผิดว่า เดิมทีมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ตรงนั้นจึงเห็น พอสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วจึงไม่เห็น แต่ความจริงนั่นคือคิด ไม่ว่าจะอยู่ในห้องที่สว่าง หรืออยู่ในห้องที่มืด อยู่นอกอาคารหรือภายในอาคาร มีเครื่องเรือนหรือไม่มีเครื่องเรือน ทั้งหมดเป็นเพียงสีที่ถูกเห็นเท่านั้น สิ่งที่ถูกเห็นก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกเห็น มิฉะนั้นก็จะหลงเข้าไปอยู่ในเรื่องราวต่างๆ

Ajhan Sujin: 如果我們就只是很單純的學習現在在那裡的是什麼是不是能夠比較接近瞭解佛陀所證悟的真相。佛陀知道我們在討論的這些表面現象比如電腦或飛蚊症嗎?

อ.สุจินต์: ถ้าเราเพียงแค่ศึกษาสิ่งที่มีในตอนนี้คืออะไร ก็จะยิ่งเป็นการเข้าใก้ลความจริง เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงทราบในสิ่งที่เรากำลังสนทนา ถึงเรื่องคอมพิวเตอร์หรือโรควุ้นตาเสื่อมหรือไม่?

我們會有各種各樣的問題都是因為沒有瞭解法的究竟真相。 如果我們不用”眼識”這個詞但還是會有那個去看的嗎? 如果我們不用”色塵”這個名詞,還是會有那個被看到的嗎?不管用什麼名詞去命名法, 只有智慧可以瞭解法的真實本質,但現在智慧還不到那個程度。”那個被看到的”不管是在有光線下還是黑暗裡,一定是有眼識去經驗到光亮或是黑暗。

เรามักจะมีปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งหมดนี้เพราะไม่เข้าใจปรมัตถธรรม ไม่เข้าใจความจริงถึงที่สุด ถ้าหากว่าเราไม่ใช่คำว่า ”เห็น” สภาพเห็นมีไหม? ถ้าหากเราไม่ใช้คำว่า ”สี” สิ่งที่ถูกเห็นมีไหม? ไม่ว่าจะใช้คำอะไรเรียกนามธรรม มีเพียงปัญญาเท่านั้นที่รู้สภาพธัมมะตามความเป็นจริง แต่ตอนนี้ ปัญญายังไม่ถึงระดับนั้น สิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างหรือว่าความมืด ต้องมีจิตเห็นรู้ตรงแสงสว่างหรือความมืด

現在閉上眼睛有什麼在那裡嗎? 有任何東西被看見嗎? 在閉上眼睛時有沒有什麼在看? 究竟真相裡有那個去看的嗎?

ขณะนี้ลองหลับตาดูซิว่า มีอะไรอยู่ตรงนั้นไหม? มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดถูกเห็นไหม? ขณะที่หลับตานั้น มีสิ่งใดที่กำลังเห็นไหม? ในความจริงถึงที่สุดนั้น มีสิ่งที่เห็นไหม?



敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠
น้อมเคารพในคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享
กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย

By line group Just Dhamma

หมายเหตุ
ที่มา : การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน

สรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)
แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)


อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... บทความแปลภาษาจีน



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 3 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย lokiya  วันที่ 4 พ.ย. 2564

ลึกซึ้งมากครับ ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย palsawangpattanagul  วันที่ 4 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย palsawangpattanagul  วันที่ 4 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย มังกรทอง  วันที่ 6 พ.ย. 2564

เราอาจจะคิดว่าเราไม่ควรที่จะมีโลภะหรือโทสะ แต่ไม่ว่าจะเป็นสภาพธัมมะอะไรก็ตามที่ปรากฏ ขณะนั้นก็มีเหตุปัจจัยได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจเป็นอื่นได้ เมื่อเข้าใจสภาพธัมมะที่กำลังมีในขณะนี้ ความมั่นคงในธัมมะก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ค่อยๆ ละคลายความเป็นเราที่เคยเข้าใจผิดว่าสามารถจะควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ เพราะเข้าใจได้ว่าทุกขณะที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเหตุปัจจัย น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ