จากบทความ
[๙๒๒] ๒. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพ
พเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัยที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
ราคะที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่
ปัญญา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่ผลสมาบัติ และแก่โมหะ ด้วยอำนาจของอุ
ปนิสสยปัจจัย.
พอดีผมได้มีโอกาสเรียนถามพระอาจารย์ท่านหนึ่งว่าทำไมโมหะถึงเป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ท่านกรุณาตอบว่าสาเหตุของโมหะคืออวิชชา และอวิชชาจะถูกประหารหมดด้วยอรหัตตผล ไม่ใช่อรหัตตมรรค
ผมจึงขอความเห็นจากอาจารย์และท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ ด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ
ในความเป็นจริง อวิชชา หรือ โมหะ ถูกดับหมดสิ้นและรวมทั้งกิเลสอื่นๆ ไม่มีเหลือ เมื่อ
อรหัตตมรรคจิตเกิดขึ้น ครับ
อรหัตตมรรคเกิดขึ้นประหานกิเลส จากนั้นอรหัตตผลเกิดสืบต่อเป็นจิตที่กิเลสดับหมดแล้ว
ต่างกันเพียงขณะจิตเดียวเท่านั้นค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
แสดงว่าเหตุของโมหะที่ไม่ได้ประหารด้วยมรรค ๔ น่าจะเป็นโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสะ ใช่หรือไม่ครับ ถ้าพิจารณาตามหลักปฏิจจสมุปบาท
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
มรรคที่ ๔ ประหารกิเลสและอวิชชา คือ โมหะหมดสิ้น เพราะ อรหันตมรรคจิต ทำกิจประหารที่ตัวกิเลส แต่ ผลของการประหารกิเลส มีอวิชชาที่เป็นต้นของปฏิจจสมุปบาทก็ทำให้ ละ โสกะ ... อุปายาสด้วย ครับ
เรียนอาจารย์ครับ แสดงว่าในที่สุดทั้งอวิชชาและโสกะ ... อุปายาสะก็ถูกละได้หมด ด้วยมรรคทั้ง ๔
ส่วนความหมายของศัพท์ทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรมน่าจะหมายถึงว่าถูกละโดยตรง ดังนั้นโสกะ ... อุปายาสะ ซึ่งถูกละโดยอ้อมจึงเป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ
ควรที่จะมีความเข้าใจว่าอวิชชาเป็นมูลราก เป็นหัวหน้าของอกุศลธรรมทั้งหลาย เมื่อดับอวิชชาได้แล้ว กิเลสทั้งหลายก็ถูกดับไปด้วย ไม่เป็นเหตุให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจ ไม่ทำให้เกิดในภพใหม่อีกต่อไป ทุกข์ใดๆ ก็ไม่มี ค่ะ
พบคำตอบแล้วครับ
ในพระอภิธรรมเล่ม ๗ ปัฏฐาน ภาคที่ ๓ โมหะที่สหรรคตด้วยอุจธัทจะและวิจิกิจฉา จัดเข้าในหมวด ๓ เพราะไม่มีเหตุ ฯลฯ
ขออนุโมทนาครับ
เหตุข้างต้นหมายถึงสัมปยุตตเหตุได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ
ในโมหมูลจิตมีเพียงโมหะ ดังนั้นจึงไม่มีสัมปยุตตเหตุตัวอื่นเป็นเหตุปัจจัย
แต่ถ้าเป็นโมหะในโลภะ และ โทสมูลจิต มีสัมปยุตตเหตุตัวอื่นเป็นเหตุปัจจัยจึงเป็นทัสสเนนน และภาวนายปหาตัพพเหตุฯ ได้