๑. โลภะกับอวิชชา อย่างไหนจะเป็นโทษกว่ากัน เพราะที่ได้ฟังการสนทนาธรรมของมูลนิธิฯ บางทีก็พูดถึงโลภะซึ่งเป็นตัวเหตุแห่งทุกข์ ว่าเป็นตัวทำให้เกิดวัฏฏะ บางทีก็พูดถึงความร้ายกาจของอวิชชาว่าปิดบังไม่ให้รู้ความจริงของสภาพธรรม เป็นหัวหน้าของอกุศลธรรมทั้งปวง ก็เลยสับสนว่า สรุปแล้วอันไหนจะร้ายกาจกว่ากัน หรือว่าร้ายกาจเท่ากันเพราะเกิดพร้อมกัน
๒. โดยนัยของปฏิจจสมุปบาท กับโดยนัยของอริยสัจธรรม ๔ ประการ โลภะกับโมหะ จะมีความสัมพันธ์กันโดยประการใดบ้าง
ขอขอบพระคุณอย่างสูงในคำตอบครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อ ๑. เพราะมีความไม่รู้ (อวิชชา) กิเลสประการต่างๆ ก็ย่อมมี (ความเห็นที่ 2) ไม่ว่าจะ เป็นโลภะหรือกิเลสประการต่างๆ ความไม่รู้เป็นสมุทัยเช่นเดียวกับโลภะ (ความเห็นที่ 3) และอวิชชาก็เป็นรากเหง้าและเป็นเหตุให้เกิดโลภะด้วยครับ (ความเห็นที่ 4) โมหะหรือ อวิชชามีโทษมากคลายช้าครับ (ความเห็นที่ 5)
เพราะอวิชชา ความไม่รู้มี กิเลสต่างๆ จึงมีด้วย
เชิญคลิกอ่าน...
อวิชชาเป็นสมุทัยกิเลสต่างๆ จึงมี
อวิชชาก็เป็นสมุทัย
[เล่มที่ 69] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๐๘
บทว่า อวิชฺชา สิยา ทุกฺขสจฺจ อวิชชาเป็นทุกขสัจก็มี คือ อวิชชาเป็นสมุทัยแห่งอาสวะด้วยความมีอวิชชาเป็นสมุทัย
อวิชชาเป็นมูลเหตุของโลภะ
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๖
อรรถกถาจตุจักกสูตร
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ตัดความผูกโกรธด้วย กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดด้วย ความปรารถนาและความโลภอันลามกด้วย ถอนตัณหาอันมีอวิชชาเป็นมูลเสียแล้วอย่างนี้ ความออกไป (จากทุกข์) จึงมีได้
บทว่า สมูล ตณฺห ได้แก่ ตัณหาอันมีมูล โดยมีอวิชชาเป็นมูล
โลภะมีโทษน้อย คลายช้า แต่โมหะมีโทษมากและคลายช้าด้วย
เชิญคลิกอ่าน...
ความแตกต่างแห่งอกุศลมูล๓ [ติตถิยสูตร]
ข้อ ๒. โดยนัยปฏิจจสมุปบาท อวิชชา (โมหะ) มี เป็นเหตุให้เกิดตัณหา (โลภะ) ส่วนในอริยสัจ ๔ ทั้งโลภะและโมหะต่างก็เป็นสมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ด้วยกัน รวมทั้งอวิชชา คือ ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ดังข้อความในพระไตรปิฎก ครับ
ก็เพราะมีอวิชชา ตัณหาจึงมี (ปฏิจจสมุปบาท)
เชิญคลิกอ่าน..
เพราะมีอวิชชาตัณหาจึงมี [เทศนาสูตร]
ในอริยสัจ ๔ อวิชชาเป็นสมุทัยโดยนัยปฏิจจสมุปบาท
เชิญคลิกอ่าน...
ทุกขสมุทัยอริยสัจ
เชิญคลิกอ่าน...
อวิชชาคือ ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔
ขออนุโมทนาค่ะ
ถ้าอย่างนั้น ขอเรียนถามคุณ แล้วเจอกัน
เราพอจะสรุปความเข้าใจโดยย่ออย่างนี้ได้ไหมครับว่า อวิชชา เป็นมูลเหตุให้เกิดโลภะ พอเกิดโลภะ โลภะก็เป็นมูลเหตุให้เกิดโทสะและทุกข์มากมายทั้งปวงตามมาโดยที่มีอวิชชาเป็นเหมือนหลังคา คอยปิดกั้นดวงตาของสัตวโลกให้มืดบอด ไม่ให้รู้ความจริงในสภาพธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง เราจึงวนเวียนไปในวัฏฏะเพราะมีอวิชชาและโลภะเป็นมูลเหตุ ถูกผิดประการใดขอช่วยแนะด้วย ครับ ไม่ทราบว่า มีพระสูตรไหนที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบอกุศลกับเรือน บ้างไหม
ขอขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อวิชชาเป็นรากเหง้าของอกุศลธรรมทั้งปวงตามที่ได้กล่าวมาและพระสูตรที่ได้แสดงข้างต้นครับ และเพราะความไม่รู้ความจริงในอริยสัจ ๔ นั่นคืออวิชชาที่ไม่รู้ในอริยสัจ ๔ (ความเห็นที่ 9) สัตว์ทั้งหลายจึงท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏฏ์ ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ได้เลยครับ ส่วนข้อความในพระไตรปิฎก ที่แสดงว่า อวิชชาเป็นเรือนยอด ลองอ่านดูนะ
เชิญคลิกอ่าน...
กลอนของเรือนยอด [กูฏาคารสูตร]
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ