ชาติหน้ามีจริงหรือ มีอะไรพิสูจน์แสดงให้เห็นว่ามีจริง
ชาตินี้มีจริงไหม เมื่อชาตินี้มีจริงได้ ชาติหน้าก็ย่อมมีจริงได้ เวลาคิดถึงชาติหนึ่งๆ ก็คิดถึงระยะยาว คือตั้งแต่เกิดมาชีวิตก็ล่วงไป เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นยี่สิบสามสิบปีต่อๆ ไปจนตาย ก็นับว่าเป็นชาติหนึ่ง แต่ทำไมจึงไม่ถอยให้สั้นกว่าปี เดือน วัน จนถึงขณะเมื่อกี้นี้กับขณะเดี๋ยวนี้ ซึ่งไม่ใช่ขณะเดียวกัน แสดงให้เห็นว่า แต่ละขณะนั้นล่วงไป ดับไป สิ้นไปเร็วที่สุด
พระผู้มีภาคทรงแสดงธรรมว่า ชีวิตดำรงอยู่เพียงชั่วขณะที่จิตเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปสืบต่อกันที่ละหนึ่งขณะ เมื่อจิตดวงหนึ่งดับไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าหมดเชื้อ หมดปัจจัยที่จะทำให้จิตต่อไปเกิดขึ้น เช่น ขณะเมื่อกี้นี้หมดสิ้นไปแล้ว ใครจะเรียกร้องให้นามธรรมและรูปธรรมที่ดับไปเมื่อกี้นี้ กลับคืนมาไม่ได้เลย สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว การเกิดขึ้นแล้วดับไปของรูปธรรมและนาม ธรรมแต่ละขณะนั้นเป็นเพราะมีเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น
ขณะเมื่อกี้นี้มีจึงทำให้ขณะนี้มี และเมื่อวานนี้มี วันนี้จึงมีฉันใด วันนี้มีพรุ่งนี้ก็มีฉันนั้น เพราะวันนี้เป็นปัจจัยของวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้ไม่มี พรุ่งนี้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้น เรื่องชาตินี้ชาติหน้าก็เหมือนกับเรื่องวันนี้และพรุ่งนี้ ถ้านึกไปไกลถึงชาติหน้าก็จะทำให้สงสัยและพิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้ากลับมาพิสูจน์ขณะที่สั้นที่สุด ใกล้ที่สุด คือขณะนี้ ก็จะรู้ความจริงของทุกๆ ขณะได้ และจะทำให้หมดความสงสัยในสภาพธรรมทั้งหลาย ซึ่งปรากฏเป็นชีวิตแต่ละขณะ เพราะไม่ว่าชาติก่อน ชาตินี้ หรือชาติหน้า สภาพธรรมทั้งหลายก็เกิดขึ้นเพราะปัจจัยทั้งสิ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย
ที่เราเกิดมานี้ ก็เพราะความไม่รู้ เราเลือกเกิดไม่ได้ว่าจะเกิดวันไหน ถ้าเลือกวันเกิดได้ ก็เลือกวันตายได้ เพราะเมื่อตายจากชาติก่อน คือเมื่อจุติจิตของชาติก่อนดับไปแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไป คือปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น เป็นจิตขณะแรกของชาตินี้ ซึ่งเกิดสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อนทันที ไม่มีระหว่างคั่นเลย เหมือนกับจิตทุกขณะของวันนี้ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป สืบต่อกันอย่างรวดเร็ว
จิตทุกขณะในปัจจุบันชาตินี้เกิดดับสืบต่อกัน ฉันใด เมื่อจุติจิตของชาตินี้ดับไปแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดต่อเป็นชาติหน้าทันทีฉันนั้น ไม่มีใครบังคับจิตนิยามซึ่งเป็นธรรมชาติของจิตได้ วิสัยของจิตที่เกิดดับนั้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย
ฉะนั้น เมื่อยังมีเหตุปัจจัยที่ทำให้จิตเกิด จิตก็ต้องเกิด ผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์นั้นต้องเกิดอีกแน่นอน ถึงแม้ว่าไม่รู้ก็ต้องเกิด เหมือนชาตินี้ก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องเกิดมา ไม่ใช่ว่าอยากจะเกิดที่ไหนวันไหนก็เกิดได้ แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยให้เกิดเมื่อไหร่ที่ไหนก็เกิดเมื่อนั้น ที่นั้น
จิตเป็นนามธรรมที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว จึงไม่สามารถเอามาเข้าห้องทดลองพิสูจน์อย่างวิทยาศาสตร์ได้ แต่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะที่แท้จริงของจิตได้ ด้วยการอบรมเจริญปัญญา ตามหนทางที่พระผู้มีพระภาค ฯ ได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้
ขออนุโมทนาครับ....
กราบอนุโมทนายิ่งค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ