คนส่วนมากจะคิดกันเอาเองโดยไม่ฟัง ไม่ไตร่ตรองให้เข้าใจ มักคิดเองว่า สติ ปัฏฐานเท่านั้นที่มีปรมัตถ์เป็นอารมณ์ เมื่อวันช่วงบ่ายเป็นช่วงสนทนาปรมัตถสังเขป ท่าน อ. อรรณพ ได้ถามกลับให้คิดพิจารณาว่า แล้วอกุศลจิตมีปรมัตถ์เป็นอารมณ์ได้ ไหม? ขณะที่เห็นสีสวยๆ ยังไม่ทันรู้ว่าเป็นอะไร ความติดข้องพอใจก็เกิดแล้ว ขณะ ที่เสียงฟ้าผ่าดังๆ ก็ตกใจ อกุศลจิตก็เกิด เด็กทารกเล็กๆ เห็นก็เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ ได้ยินเสียง ได้กลิ่น รู้รส รู้แย็น..อกุศลจิตก็เกิดต่อทันที เด็กก็มีปรมัตถ์เป็นอารมณ์ได้ แม้แต่สัตว์ดิรัจฉานก็เช่นกัน ไม่ว่านก ไก่ วัว ควาย ก็มีอารมณ์เป็นปรมัตถ์ได้แต่ด้วย จิตที่เป็นอกุศล เพราะไม่มีปัญญารู้สิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมก็เพื่อเข้าใจธรรมและสิ่งที่ควรรู้ยิ่งคือสิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังให้เข้าใจสิ่ง ที่มีจริงที่กำลังปรากฏ จนกว่าสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ (ปรมัตถธรรม) จะปรากฏกับสติ โดยความเป็นอนัตตา ไม่ใช่เราที่จะไประลึกรู้ เพราะนั่นเป็นตัวตนที่จะไปรู้ และสิ่ง สำคัญ สิ่งที่กำลังปรากฏเกิดแล้วดับแล้วอย่างรวดเร็ว
ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้สิ่งที่ กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้ สติระลึกสิ่งที่กำลังปรากฏด้วยปัญญาที่เข้า ใจถูกเห็นถูก
ขออนุโมทนาค่ะ ...
ฟังให้เข้าใจสิ่ง ที่มีจริงที่กำลังปรากฏ จนกว่าสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ (ปรมัตถธรรม) จะ ปรากฏกับสติ โดยความเป็นอนัตตา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สติปัฏฐานเกิดขึ้นด้วยปัญญาครับ มิได้เกิดด้วยอารมณ์ โดยหากฟังจนมีความ เข้าใจมากเพียงพอแล้ว สติจะเริ่มระลึกและปัญญาจะเริ่มพิจารณาสิ่งที่กำลังปรากฎตาม ความเป็นจริง ด้วยความไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงสภาพธรรมต่างๆ ที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนๆ
ดังนั้น จึงควรสะสมความเข้าใจจากการฟังต่อไป เมื่อความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ความสงสัยในลักษณะของปรมัตถธรรมก็จะค่อยๆ คลายลงครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ