ตทาลัมพนจิต กิจที่จะเกิดขึ้นด้วยสัณตีรณกิจนั้นกรณีรูปยังดับไม่หมด
เป็นอเหตุวิบากจิตเช่นเดียวกับสัณตีรณวิบากจิตด้วยรึเปล่าครับ
ไม่ได้นับรวมไปกับ อเหตุกจิต 18 ใช่หรือไม่
เข้าใจว่าสัณตีรณไม่จำเป็นต้องเป็นอเหตุกจิต เป็น มหาวิบากก็ได้
แนวทางเจริญวิปัสสนา #1518
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่องตทาลัมพนจิต เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก กล่าวตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ดังนี้
จิตที่จะกระทำตทาลัมพนกิจได้นั้น ล้วนแต่เป็นวิบากจิตทั้งสิ้น (ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่กิริยา) มี ๑๑ ดวง ได้แก่ คือ อุเบกขาสันติรณจิต ๒ ดวง โสมนัสสันติรณจิต ๑ ดวง [๓ ดวงนี้ เป็น อเหตุกจิต] และ มหาวิบาก ๘ ดวง ที่เรียกว่า ตทาลัมพนจิต ก็เรียกตามจิตที่กระทำกิจนี้
ตทาลัมพนจิต เป็นจิตที่รับรู้อารมณ์ต่อจากชวนจิต โดยวิสัยของกามบุคคล ซึ่งเป็นผู้ปฏิสนธิด้วยวิบากของกุศลกรรม หรืออกุศลกรรมที่ยังเป็นไปในกาม เมื่ออารมณ์ยังมีอายุเหลืออยู่ ตทาลัมพนจิตซึ่งเป็นวิบากของกรรมที่เป็นกามวจร จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่เหลือ ๒ ขณะ และตทาลัมพนจิต ดวงสุดท้ายก็ดับไปพร้อมกับอารมณ์ซึ่งเป็นสภาวรูป รูปๆ หนึ่ง นั้น กามชวนะ จะเป็นกุศล หรืออกุศล ก็ตาม ถ้าอายุของรูปยังเหลืออยู่ ก็ย่อมเป็นเหตุให้ตทาลัมพนจิต เกิดต่อได้
ตทาลัมพนจิต เกิดได้ทั้งทางปัญจทวาร และ ทางมโนทวาร ที่สำคัญ จะต้องเกิดต่อจากกามชวนะ ไม่ใช่อัปปนาชวนะ ไม่ใช่โลกุตตรชวนะ และ จะต้องเกิดกับกามบุคคล คือ บุคคลในกามภูมิ เท่านั้น ตทาลัมพนจิต เป็นจิตประเภทหนึ่ง จิตทุกประเภทเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ตทาลัมพนจิตก็เช่นเดียวกัน เกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ถ้าเป็นทางปัญจทวารอารมณ์ของตทาลัมพนจิต ต้องเป็นอติมหันตารมณ์ คือ เป็นอารมณ์ที่ใหญ่ยิ่ง และถ้าเป็นอารมณ์ทางมโนทวาร ต้องเป็นอารมณ์ที่ชัดเจนอย่างยิ่ง คือ เป็นวิภูตารมณ์ อารมณ์ทั้งสองอย่างนั้น ต้องเป็นปรมัตถอารมณ์เท่านั้น
ต่อเนื่องในความคิดเห็นที่ ๒ ครับ
สันตีรณจิต เป็น อเหตุกจิต ไม่ใช่มหาวิบาก ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1831
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1518
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบคุณ อ.คำปันและ อนุโมทนา ครับ