ในชีวิตประจำวัน มีสักวันไหมที่ท่านไม่ได้ยุ่งอยู่ คลุกคลีอยู่กับบุคคลอื่นเลย (แม้แต่ในความคิด) คำตอบคือ...ไม่มีเลยสักวัน แม้ว่าการงานที่ท่านกระทำอยู่จะต้องไปอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งที่ไกลไปจากผู้คน ไม่ได้พบปะกับใครที่จะสนทนากันได้ แต่ใจก็ยังคงคิดถึงบุคคลอื่นด้วยโลภะบ้าง โทสะบ้าง โดยเฉพาะการคิดถึงผู้อื่นแม้จะเป็นสหายธรรมที่รู้จักกัน (แม้เพียงชื่อ) ด้วย... โทสะ ซึ่งก็ย่อมห้ามไม่ได้จริงๆ หากยังมีปฏิฆานุสัยอยู่ เมื่อมีเหตุปัจจัยให้โทสะเกิด โทสะก็เกิด ยังจิตให้ขุ่นมัว เร่าร้อน ยิ่งมากก็ยิ่งเหือดแห้งใจเรื่อยๆ เป็นทุกข์ไปด้วยโทมนัสเวทนา เมื่อคิดถึงเรื่องที่เคยประวาทะกัน กล่าวหากัน เสียดสีกัน ขณะนั้นสติเกิดคั่นกระแสแห่งโทสะบ้างได้ไหม ถ้าไม่...แต่พอใจที่จะโกรธอยู่ ก็ขอเชิญอ่านพระสูตรต่อไปนี้....แล้วลองตรองพิจารณาว่าควรหรือไม่ดูนะครับ เชิญคลิกอ่านได้ที่...
บริษัท ๒ จำพวก คือ ตื้น และ ลึก [อรรถกถาสูตรที่ ๑]
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
บริษัทที่แยกเป็นพวก และที่สามัคคีกัน [อรรถกถาสูตรที่ ๒]
เพราะเหตุว่า สติปัฏฐาน ไม่ได้เกิดบ่อย เพราะปัญญายังไม่สมบูรณ์ยังไม่ละเอียด และสติยังไม่ไวพอที่จะระลึกในสภาพของ "โทสมูลจิต" ได้ เมตตาจึงยังไม่มีกำลังพอที่จะเกิดโดยทันทีในขณะนั้น การอบรมเจริญบารมี ๑๐ ประการจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เพราะกิเลสที่สั่งสมมามีมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่ค่อยๆ อบรมเจริญได้ด้วย "ปัญญา" ที่รู้จักตนเองตามความเป็นจริง ที่เริ่มจะเล็งเห็นโทษของอกุศลคือ โทสะ ที่ไม่เป็นที่น่าพอใจของใคร รวมไปถึงโทษจากโลภะ ที่ทำให้ติดข้องเบญจกามคุณ และบัญญัติ โทษจากโมหะที่ทำให้ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง และไม่เว้นแม้กระทั่ง บริวารทั้งหมดของอกุศลเหตุ ๓ นี้ด้วย นอกจาก ทาน ศีล และการเป็นผู้มีปรกติเจริญสติปัฏฐานแล้ว ก็ควรเริ่มที่จะอบรมเจริญบารมี ๑๐ ประการในชีวิตประจำวันประกอบกันไปด้วยนะครับ
ขออนุโมทนา ที่เข้าใจหาภาพมาประกอบดีมากค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ว่าแต่ ทำไมแมวดุจัง ถึงจะดุไง ก็ยังน่าเอ็นดู จาก คนรักแมว
ยินดีในกุศลจิตค่ะ