[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้าที่ 9
ข้อความตอนหนึ่งจาก
ทัฏฐัพพสูตรที่ ๕
[๓๖๘] ถ้าภิกษุใดเห็นสุขโดยความเป็นทุกข์ เห็นทุกข์โดยความเป็นลูกศร เห็นอทุกขมสุขซึ่งมีอยู่นั้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง ภิกษุนั้นเป็นผู้เห็นโดยชอบ ย่อมกำหนดรู้เวทนาทั้งหลายได้ ครั้นกำหนดรู้เวทนาแล้ว เป็นผู้หาอาสวะมิได้ในปัจจุบัน คงอยู่ในธรรม ถึงที่สุดเวทนา เมื่อตาย ไปย่อมไม่นับว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคืองเป็นผู้งมงาย.
อรรถกถาขยายความ
บทว่า ทุกฺขโค ทฏฺฐพฺพา ความว่า พึงเห็นโดยความเป็นทุกข์ด้วยอำนาจความเปลี่ยนแปลง
บทว่า สลฺลโต ความว่า ส่วนทุกข์พึงเห็นว่าเป็นลูกศรด้วยอรรถว่าเป็นเครื่องแทง
บทว่า อนิจฺจโต ความว่า พึงเห็นอทุกขมสุขโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยอาการมีแล้วก็ไม่มี
บทว่า อทฺท คือ ได้เห็นแล้ว
บทว่า สนฺตํ คือ มีอยู่เป็นภาพ
ขออนุโมทนาค่ะ
ดิฉันเป็นผู้ศึกษา พยายามพิจารณาเวทนา เมื่อใดมีสุขเวทนาก็จะประกอบด้วยความพอใจความผูกพันซึ่งเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ เมื่อใดมีทุกขเวทนาก็เจ็บปวดแม้แต่ทางกายหรือใจก็ตาม และยามไม่ทุกข์ไม่สุข สักประเดี๋ยวจิตก็จะท่องเที่ยวหาเรื่องเป็นบ่อเกิดทุกข์อีก ส่วนกายนั้นยิ่งร่วงโรยก็ยิ่งเห็นทุกข์ชัดขึ้น แต่ดิฉันยังจมอยู่ในโลก จึงสลัดทิ้งตัวตนไม่ได้คะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ