ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
# ถ้าเอา "รูปร่างสัณฐาน" ออกหมด ก็จะเข้าใจคำว่า "อนัตตา" ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า...ถ้าเราศึกษาโดยละเอียดรูปแต่ละกลาปที่เล็กที่สุด มีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่ทุกกลาปบางกลาป เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน
# เจตนา ความจงใจ ความตั้งใจเกิดกับจิต ดับพร้อมกับจิต แต่สะสมอยู่ในจิตพร้อมที่จะเป็นปัจจัยให้เกิด (รูป) เมื่อไรก็ได้เช่น ผู้ที่ไม่มีโรคร้าย แล้วเกิดมีโรคร้ายขึ้นมา เป็นโรคที่เกิดจากกรรม
# ใครก็ไปทำอะไรไม่ได้...เพราะกรรมเป็นสมุฏฐานกรรม เป็น นามธรรมก็จริงแต่ว่ามีกำลังให้รูปใด เกิดเมื่อใด ก็เกิดรูปนั้น เมื่อนั้น
# จักขุปสาท โสตปสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาททั้งหมดเป็น รูปที่เกิดจากกรรม
# ถ้ากรรมหยุด ไม่ให้รูปนี้เกิด...ใครก็ไปทำให้รูปนี้ก็เกิดไม่ได้และถ้ากรรม มีปัจจัยให้เกิด...ใครก็ไปทำลายไม่ได้เพราะเกิดแล้วดับแล้ว...เกิดแล้วดับแล้วจะทันทำลายอะไรได้กับสภาพธรรม ที่มีปัจจัยทำให้เกิด
# เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจความหมายของคำว่า "ธรรม" หรือ ความเป็นธาตุพิจารณาแยกสิ่งที่มารวมกันออกเป็นหน่วยเล็กๆ และรู้ที่มาที่ไปของสิ่งนั้น...ว่าสิ่งนั้น เกิดเพราะอะไร เกิดแล้วก็ดับไป...เกิดแล้วก็ดับไป
# ตัวเราอยู่ที่ไหน...ก็ไม่มี
# แต่ต้องเป็นปัญญาระดับไหน ที่จะเห็นจริงๆ อย่างนี้ที่จะละ "สักกายทิฏฐิ" คือความยึดถือ รูปธรรม และ นามธรรมตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ว่าเป็นเรา ออกไปได้
# ต้องเป็นปัญญามหาศาลอย่าง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อที่จะตรัสรู้ "ความจริง" ซึ่งเป็นความจริงอย่างนี้
บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ . . .
ความจริง...ไม่มีตัวเราแต่ยังไม่ประจักษ์แจ้งในความจริงที่ว่า...ไม่มีตัวเรา
...ขออนุโมทนาครับ...
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ