ความจริงของชีวิต คือ ธรรมะ จำแนกเป็น ๒ อย่างคือ นาม และรูป โดยปรมัตถ-ธรรม ความจริงมี ๔ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน แต่ชีวิตประจำวันมีปรมัตถ-ธรรม ๓ เว้น พระนิพพาน
ความจริงของชีวิต คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไม่ว่าจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหวคิดนึก เป็นสุข เป็นทุกข์ อยากได้ ไม่พอใจ อิจฉา เมตตา ฯลฯ ทุกอย่างเป็นธรรมพระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แต่สามารถที่จะเจริญสติ ระลึกรู้ว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เพื่อละคลายความเป็นตัวตนได้ทีละเล็กทีละน้อย
ไม่ทราบว่าจะครบถ้วนไหมคะ ขอท่านผู้รู้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยค่ะ
ถ้าแบ่งอย่างคร่าวๆ ชิวิตเรา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหนึ่งรับผลของกรรมที่ทำมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วๆ หรือชาตินี้ อีกส่วนหนึ่ง คือ กระทำกรรมใหม่ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม
ชีวิตคืออนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง หรือแตกดับอยู่ตลอดเวลา จะไม่ให้ไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้ ดังนั้น ชีวิตก็คือความทุกข์ เกิดมาแล้วก็มีทุกข์สารพัดที่จะตามมา เกิดมาเพื่อที่จะกิน อยู่ เจ็บแล้วก็ตายจากโลกนี้ไป ครั้งแล้วครั้งเล่าชีวิตแล้วชีวิตเล่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดียรัจฉาน คน หรือภพภูมิอื่นๆ ก็ตาม จะวนเวียนอยู่แต่ในสังสารวัฏฏ์อันยาวนานนี้ไม่รู้อีกเท่าไร?
ดังนั้น หากเราไม่เริ่มศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เราก็จะไม่มีวันรู้ความจริงของชีวิต และเมื่อตายไป ก็ตายไปด้วยความไม่รู้อีก สะสมไปอีกชาติแล้วชาติเล่า ซึ่งก็ไม่รู้อีกด้วยว่า จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งสามารถฟังธรรมให้เข้าใจได้หรือไม่?