อบรมเจริญปัญญา “เพื่อละความไม่รู้” จนกว่าจะถึงกาลที่เห็นคุณค่าสาระของสติสัมปชัญญะ ที่แม้เกิดหนึ่งขณะ ก็เป็นสาระที่จะทำให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมะ ค่อยๆ อบรมโดยการฟังให้เข้าใจ แล้วสติสัมปชัญญะก็เริ่มเกิด แม้ว่าจะน้อยมากแต่ก็เป็นไปเพื่อละ เป็นการพิสูจน์ว่ามีความติดข้อง มีเยื่อใยความเป็นเรา ในสติและในสภาพธรรมหรือเปล่า กว่าจะถึงระดับที่ละและคลายความไม่รู้ จนกระทั่งประจักษ์แจ้งความจริง ก็รู้ว่าขณะนั้นมาจากแต่ละหนึ่งขณะ ซึ่งไม่ได้เกิดบ่อยเลย แต่ว่าเมื่อเกิดก็เห็นความเป็นอนัตตาว่า ไม่มีเราจงใจไปทำ แต่ว่าเมื่อมีปัจจัย สติสัมปชัญญะก็เกิด แล้วความติดข้องก็ปรากฏให้เห็นว่า มากระดับไหน จนกว่าจะค่อยๆ คลาย ค่อยๆ ละ ค่อยๆ รู้ ค่อยๆ เข้าใจ จนกระทั่ง “อนัตตา” ก็คือปัญญาถึงขั้นประจักษ์แจ้งเมื่อไร ก็ประจักษ์ความจริงในเมื่อนั้น มีหนทางเดียว คือหนทางละความไม่รู้
ขออนุโมทนา
ความคิดไม่ใช่ทุกข์ แต่ที่ทุกข์เพราะเอาความคิดเป็นตัวตน จึงต้องทุกข์
ยินดีในกุศลจิตค่ะ