สมถภาวนาทางหนึ่ง กับ วิปัสสนาภาวนาอีกทางหนึ่ง
โดย chatchai.k  16 ก.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 43925

สมถภาวนาทางหนึ่ง กับ วิปัสสนาภาวนาอีกทางหนึ่ง

สุ. การเจริญภาวนา คือ สมถภาวนาทางหนึ่ง กับ วิปัสสนาภาวนาอีกทางหนึ่ง

สมถภาวนา เป็นการเจริญอบรมให้จิตสงบตั้งมั่น แต่ไม่รู้ลักษณะของนามและรูปที่ปรากฏตามความเป็นจริง เพราะจิตจดจ่อตั้งมั่นอยู่ที่อารมณ์เดียว เพราะฉะนั้น อานาปานสติเป็นสมถภาวนาก็มี และที่เป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐานในมหาสติปัฏ-ฐานก็มี แต่ลักษณะของการเจริญต่างกัน

สำหรับอานาปานสติที่เป็นสมถภาวนานั้นมุ่งให้จิตสงบ แต่จุดประสงค์ของการเจริญสติปัฏฐานนั้นเพื่อรู้ชัด เพื่อปัญญาไม่ยึดถือนามและรูปใดๆ ว่าเป็นตัวตน เพราะฉะนั้น ลมหายใจเป็นสิ่งที่มีจริง สติสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของลมว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงรูปชนิดหนึ่งได้

ในมหาสติปัฏฐานสูตร ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เริ่มด้วยอานาปานสติ เห็นกายในกาย ไม่ใช่เพื่อให้ตั้งมั่นจดจ่อถึงขั้นอัปปนาที่เป็นปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน

ภิกษุไปสู่ป่า ไม่ได้บอกว่าต้องไป แต่เป็นอัธยาศัยของบุคคลที่เคยเจริญสมาธิมาแล้ว ก่อนการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเจริญสมาธิมีมาก การใฝ่หาความสงบของใจก็มีมานานแล้ว

บุคคลใดก็ตามที่ไม่เคยฟังธรรมก็เจริญอานาปานสติ หรือว่าเจริญสมถภาวนามากมาก่อน บุคคลใดก็ตามเคยเจริญสมาธิ คนอื่นจะยับยั้งหรือห้ามได้ไหม บางท่านพอตื่นขึ้นมาก็ระลึกแล้ว พุทโธ เป็นอัธยาศัยทีเดียว อบรมมาตั้ง ๑๐ ปี ๒๐ ปี ไม่ได้ห้าม แต่สติตามรู้ว่า แม้แต่ที่นึกอย่างนั้นก็เป็นเพียงนามชนิดหนึ่ง นั่นเป็นการเจริญ- สติปัฏฐาน

การนึกว่า พุท ก็เป็นการนึก เพราะฉะนั้น เวลาที่นึกจะนึกเรื่องอื่นสารพัด อย่างที่ไม่ใช่พุทโธ สติก็ยังตามระลึกรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอกุศลวิตก คิดไปในเรื่องต่างๆ ด้วยความชอบใจ ด้วยความไม่ชอบใจ สติก็ตามระลึกรู้ว่า เป็นนามชนิดหนึ่ง ตามระลึกได้

เพราะฉะนั้น เวลานามที่เป็นกุศลระลึกถึงพระพุทธคุณเกิดขึ้น ผู้ที่เจริญสติมีหน้าที่ตามระลึกรู้ การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ว่าห้าม หรือการบังคับ เป็นปกติทุกอย่าง เพราะสตินั้นเป็นธรรมชาติที่ควรเจริญ ตามรู้สิ่งที่เกิดปรากฏแล้วเพราะเหตุปัจจัย เพื่อการรู้ชัด ไม่ใช่ไปบังคับไว้ ไม่ดูนาฬิกา ไม่ฟังวิทยุ นั่นเป็นการทำขึ้น ปิดบังนามและรูปที่เกิดปรากฏตามปกติ

ปกติเป็นอย่างไร ไม่ใช่ตัวตน เป็นนาม เป็นรูป มีการฟัง มีการเห็น มีการได้ยิน สติตามระลึกรู้ได้ทุกอย่าง

แต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน บุคคลที่เคยเจริญอานาปานสติมามาก เวลาที่ฟังธรรมแล้ว จิตก็น้อมไปในการเจริญอานาปานสติ บุคคลนั้นไปสู่ป่า ไม่ได้มีคำบอกไว้ในพยัญชนะว่าต้องไป แต่บุคคลนั้นไปโคนไม้ เรือนว่าง แล้วพิจารณาลมหายใจ ไม่ได้บอกด้วยว่า จะต้องถึงฌานขั้นนั้นก่อนขั้นนี้ก่อน เพราะเหตุว่าสติเป็นธรรมชาติที่ตามรู้ได้ทุกๆ ขณะ

สติอาจระลึกรู้จิตที่กำลังสงบ สติอาจระลึกรู้ปีติ สติอาจระลึกรู้สุขเวทนา สติอาจจะระลึกรู้ลักษณะของรูปหยาบ หรือละเอียดที่เป็นลมหายใจในขณะนั้นก็ได้ เพราะเป็นการเห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม ต้องเข้าใจจุดประสงค์ของการเจริญสติปัฏฐานว่า เพื่อการรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้

ธรรมชาติของสตินั้นเป็นธรรมชาติที่เป็นใหญ่ในการระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ เป็นอนัตตา ไม่ใช่บังคับบัญชา หรือสั่งได้สร้างได้ว่า จะต้องทำให้เกิดขึ้นในสถานที่นั้น ทำให้เกิดขึ้นในสถานที่นี้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 82