1. จริงหรือครับที่ว่าเมื่อประกอบกุศลใดๆ ควรน้อมจิตไปในทางปรารถนาการหลุดพ้นจากวัฏฏะ มากกว่าการได้รับกุศลวิบากต่างๆ นานาอันเนื่องด้วยภพชาติ?
2. กรณีพระสารีบุตรตั้งจิตมุ่งอัครสาวก จึงต้องบำเพ็ญเพียรอยู่นานกว่าผู้ที่ปรารถนาเพียงสาวกทั่วๆ ไป ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ที่มุ่งการหลุดพ้น นอกจากศึกษาพระธรรมให้รู้ ให้เข้าใจ จนปัญญาทำกิจของปัญญาแล้ว ก็ควรมุ่งจิตปรารถนาสู่การบรรลุด้วยเช่นกัน (และควรมุ่งเพียงอริยสาวกธรรมดาก็พอ ไม่เน้นเอตทัคคะด้านนั้นด้านนี้เพราะเร็วกว่า)
3. ถ้าเช่นนั้นจะเริ่มตั้งจิตเมื่อไรเล่า? ในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว เช่น ปรารถนาอยู่ในใจนานเท่าไร เปล่งทางวาจาอยู่นานเท่าไร เป็นต้น
ใคร่ขอสดับจากท่านผู้รู้ด้วยครับ
การเจริญกุศลทุกประการตามคำสอนของพระพุทธองค์เพื่อละอกุศลเท่านั้น ไม่ควรปรารถนาสิ่งอื่นใดที่เป็นวิบากในวัฏฏะ เหมือนพระพุทธองค์ตอนเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณเท่านั้น ฉะนั้น การปรารถนาตำแหน่งต่างๆ ของพระสาวกเป็นไปตามอัธยาศัยของแต่ละท่าน แต่ผลก็คือ บรรลุเป็นพระอริยบุคคลเพื่อพ้นจากวัฏฏทุกข์ สำหรับระยะเวลาหลังปรารถนาต่อพระพักตร์พระศาสดา อัครสาวกใช้เวลาหนึ่งอสงไขย์แสนกัปป์ มหาสาวกและตำแหน่งเลิศทางด้านต่างๆ ใช้หนึ่งแสนกัปป์ สำหรับสาวกไม่มีแสดงเรื่องเวลาการปรารถนาในใจและเปล่งวาจา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ