ถ้าขาดความเพียรเสียอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะละอกุศลได้เลย แล้วก็จะได้เห็นกำลังของความเพียรว่า ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากกุศล ที่เป็นไปในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งถึง การอบรมเจริญปัญญาที่เป็นธรรมที่เป็นฝักฝ่ายในการรู้แจ้งอริยสัจธรรม ต้องใช้กาลเวลานานมาก คือ ต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม
ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนา ในกุศลศรัทธาที่ทุกท่านได้สะสมมาแล้ว ถึงได้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยไปถึง ๒,๕๐๐ กว่าปี แต่ผู้ที่ได้สะสมกุศลศรัทธาในการฟังพระธรรม ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม
ประการสำคัญที่สุดก็คือว่า ชาวพุทธย่อมทราบว่าพระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดง เป็นธรรมที่บุคคลอื่นไม่สามารถที่จะรู้ได้ ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดง ซึ่งธรรมที่ผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง และก็กำลังปรากฏอยู่ทุกขณะ แต่ก็เป็นสิ่งที่ยากแสนยากที่จะรู้ได้ เพราะเหตุว่าการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงตรัสรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ เกิดขึ้น และดับไปทุกขณะ ตามความเป็นจริง ซึ่งสามารถที่จะทำให้ผู้ฟังได้ค่อยๆ พิจารณาจนกระทั่งเข้าใจ แล้วก็สามารถที่จะดับกิเลสได้เป็นสมุทเฉท ถึงแม้ว่าจะได้ฟังธรรมอื่น แต่ว่าธรรมที่ไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้
จะเห็นได้จริงๆ ว่า ผู้ที่มีศรัทธาย่อมเป็นผู้ที่ละเอียด แล้วก็เห็นว่ากิเลสเป็นสิ่งที่ดับได้ยาก ไม่ใช่ว่าใครก็ตาม ที่นึกอยากจะให้อกุศลจิต อกุศลธรรมทั้งหลายหมดไป ก็จะหมดไปได้ แต่ต้องอาศัยพระปัญญาคุณ ที่ทรงอบรมพระบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป จึงสามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรม และทรงแสดงพระธรรมถึง ๔๕ พรรษา เพราะฉะนั้น ผู้ที่เริ่มสนใจธรรม แล้วก็คิดว่าคงจะไม่ต้องศึกษา ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ หรือว่าเพียงเข้าใจพระธรรมเพียงนิดหน่อย ก็สามารถที่จะหมดกิเลสได้ ก็ไม่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าพระธรรมเป็นสิ่งซึ่งละเอียด ผู้ศึกษาก็ต้องศึกษาด้วยความละเอียดจริงๆ
ขอเชิญรับฟัง
ชุด พิเศษ
ยินดียิ่งในกุศลจิตของอาจารย์ฉัตรชัยทุกประการด้วยค่ะ